ภาพตลาดและแนวโน้ม
Hit a plugged Ball out of a Bunker
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
เมื่อวานหุ้นไทยเปิดทำการมา ลงตามตลาดหุ้นโลก แต่ลบ แค่ 1% ถือว่าน้อยกว่าภูมิภาค ที่ลบเฉลี่ย 2-
3% ตลอด 2 วันทำการ รับตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งกว่า 3% ขณะที่หุ้นรายตัว เช่น PTTEP PTT BEM AOT
BBL ที่แนะนำไปเมื่อเร็วๆ นี้ ราคาหุ้นกระเทือนไม่มาก และเรายังคง เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะค่อยๆ
Decoupling ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาด DM
ส่วนข่าวลบที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นช่วงนี้ เรามองว่าจะไม่กระเทือนหุ้นไทยมากนัก เพราะส่วนใหญ่
ไม่ใช่ประเด็นใหม่… US Inverted yield curve สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอ (ซึ่งเกิดแน่ๆ) หรืออาจ
เกิด Technical recession “MS แนะ Underweight หุ้นสหรัฐฯ อยู่แล้ว เพราะเห็นสัญญาณลบ มาตั้งแต่
ต้นปี และมองปีหน้า US GDP รายไตรมาส 1Q-4Q19 ที่ 3.2% 2.6% 2% 1.7% และไปตกท้องช้าง
ครึ่งปีแรก 2020 ที่ 1.6-1.7% ก่อนะจะฟื้น ปลายปี 2020”
ดังนั้น เรามองว่าผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอ จะไม่เกี่ยวกับหุ้นไทยมากนัก และกลายเป็นโอกาสใน
การลงทุนหุ้นไทย ตราบใดที่สัญญาณเศรษฐกิจตัวเลขพื้นฐานสหรัฐฯยังเป็นแค่การชะลอตัว ไม่ได้บ่งชี้
ภาวะ “วิกฤตเศรษฐกิจ”
สำหรับความกังวลว่า ข่าวการจับกุมผู้บริหารหัวเว่ย อาจทำให้การเจรจาการค้า สหรัฐฯ-จีน สะดุด หรือ
ปธน.ทรัมป์ อาจล้มการเจรจาขึ้นมาดื้อๆ หรือเจรจาไม่ลงตัวภายใน 3 เดือน… (MS และเราไม่ได้ให้
น้ำหนักกับ Trade tension ว่าจะเป็นความเสี่ยงหลักที่ต้องกังวลอยู่แล้ว เพราะการใช้มาตรการกีดกัน
การค้าแบบสุดโต่ง จะกระทบ GDP โลกแค่เพียง 0.4pp. ซึ่งไม่ได้รุนแรงอย่างที่ จินตนาการ เหตุเพราะมี
แนวทางแก้ปัญหาในตัวเอง เช่น การเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง การย้ายแหล่งผลิต…ตราบใดที่ Demand
ยังคงอยู่
คาดวันนี้ ดัชนีฯหุ้นไทยจะบวกกลับ (อย่างช้าๆ) หลังจากเมื่อวานลงมาปิด Gap แถว 1,656 จุด ตาม
คาด (แม้จะหล่นต่ำกว่าบ้างแต่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5-10-25 วัน ถือว่าแนวโน้มยังไม่เปลี่ยนที่จะ
เล่นกลับขึ้นไปตามกรอบระยะสัปดาห์ที่ให้ไว้) แนวต้าน 1,660 จุด
ระยะสัปดาห์ คงคาดหุ้นไทยจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง-แบบค่อยเป็นค่อยไป กรอบดัชนีฯคาด ยกฐาน
สูงขึ้นจากแนวรับ 1,633 จุด เพื่อทะลุผ่านแนวต้าน 1,648 จุด ไปเล่นกรอบบน 1,640-1,674 จุด (กรอบ
ถัดไป 1,660-1,688 จุด)
What to watch :
(+/-) คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ GULF WHA TPIPP ส่วนหุ้นออก คาดได้แก่ DELTA CBG BEAUTY /
คาดแรงซื้อปรับพอร์ต ตามดัชนี SET50 จะมีผลบวก/ลบ ต่อหุ้นที่ เข้า/ออก (ส่วน SET100 เราเชื่อว่าไม่มี
ผล กับราคาหุ้นรายตัว เพราะกองที่อิงกับ SET100 มีน้อย)
(0/-) ผลประชุม โอเปก 6 ธ.ค. ยังไม่สามารถประกาศลดกำลังการผลิต อย่างที่ตลาดคาดหวัง โดยให้
เหตุผล ต้องขอหารือกับรัสเซียในวันนี้ก่อน ถึงจะแถลงผลประชุมได้
(+) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (รู้ผล 20 ธ.ค.)คาดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% เป็น 2.25-2.5%
(0/+) พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. +0.94% ต่ำกว่าคาดที่ +1% และลงจากเดือนก่อนที่
+1.2% / การประชุม กนง. 19 ธ.ค.นี้ เราคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และจะสร้าง Positive surprise
ให้ตลาดเพราะตลาดเริ่มเชื่อว่าดอกเบี้ยจะขึ้นในการประชุมเดือนนี้
(+) วันนี้ นัดถก พรรคการเมือง ร่วมโต๊ะ แม่น้า 5 สาย
หุ้นแนะนำ
GULF WHA คาดติด SET50
