หุ้น…จะเอาอะไรมาทะยาน

ภาพ Pixabay

คอลัมน์ เติมความคิดพิชิตการลงทุน

โดย นายพรเทพ ชูพันธุ์ บล.ไทยพาณิชย์

เมื่อต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา บล.ไทยพาณิชย์ ออกรายงานบทวิเคราะห์การลงทุนรายไตรมาส จัดทัพลงทุนไตรมาส 1/62 โดยใช้ชื่อว่า “ทะยาน” หรือ “Taking Off” โดยให้เป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET index) ปีหน้าที่ 2,000 จุด หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เรามองว่าแม้จะดูไกล

แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ และของยาก ๆ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกลางปีก่อน (2560) SET index อยู่ที่ราว 1,520 จุด เราให้เป้าหมายปลายปีไว้ที่ 1,700 จุด และมองปีนี้ (2561) ว่า มีลุ้น 1,900 จุด หลายคนก็บอกว่าเราเพ้อฝัน เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจแย่กว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่หลังจากตลาดหุ้นซบเซาอยู่ครึ่งปี

ขณะที่ผลประกอบการโตขึ้นอย่างช้า ๆ ในที่สุดพื้นฐานชนะครับ index เร่งตัวขึ้นสะท้อนผลประกอบการ ปิดปี 2560 ที่ 1,750 จุด และทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,850 จุดในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เป้าหมาย 1,900 จุดถือว่าสำเร็จไปกว่า 90% ความผิดพลาด 50 จุด จาก 1,900 จุด หรือ 2.5% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความผันผวน (1SD) ของ SET index return ที่ราว +/- 20% กว่า ๆ จากค่าเฉลี่ย

ปัญหาคือ index 1,850 จุด มาเร็วเกินไป ผลกำไรบริษัทตามไม่ทัน ทำให้เราต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 10 เดือนที่ของปีนี้ในการเอา “ลมร้อน” ออกจากตลาดหุ้น หลายคนเจ็บตัวจากการปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่เล่นตามข่าว (บางตัวไล่ราคากันจนน่ากลัว)

แต่… ถ้าเราลงทุนหุ้นพื้นฐานดี

ก็อย่าเพิ่งท้อครับ… การเอา “ลมร้อน” ออกจากตลาดเป็นการ “ลดความเสี่ยง” ฟองสบู่ และเพิ่มโอกาสดีดตัวในอนาคต

คำถามสำคัญคือกำไรบริษัทเติบโตหรือไม่ ?

ช่วง 9 เดือนแรกของปี GDP ไทยโตกว่า 4% (real-terms) ไตรมาส 3/61 จะดูแผ่วลง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ต.ค. บ่งชี้ว่าไตรมาส 4 น่าจะเห็น GDP ดีดกลับ (อาจถึง 4%) ส่วนปีหน้ามีลุ้น 3.5-4.0% (ไม่แย่เมื่อเทียบกับศักยภาพของประเทศ และค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งอยู่ที่ราว 3.5%) ส่วนผลกำไรบริษัทจดทะเบียน 9 เดือนแรก เติบโตจากปีก่อน 11-12% (กว่าสอง 2 ของ GDP) และมีแนวโน้มเติบโตอีกราว ๆ 7-10% ในปีหน้า

นอกจากปัจจัยพื้นฐาน ยังมีอีก 3 สถิติระยะยาว ที่น่าสนใจ 1) 4 เดือนแรกของปี มักเป็นช่วงตลาดขาขึ้นโดยเฉพาะ ก.พ.-เม.ย. เฉลี่ยขึ้นเดือนละ 2-3% 2) ปีไหนที่ผลประกอบการเติบโตดี SET index มักปรับตัวขึ้น ซึ่งปี 2561 ผลประกอบการโตดี แต่ SET ปรับตัวลงอาจดูเหมือนเสียสถิติ แต่จริง ๆ กลับเป็นเรื่องดี เพราะราคาหุ้นลดลงฝืนธรรมชาติเมื่อเทียบกับผลประกอบการที่เติบโต โอกาสดีดตัวย่อมมีสูงขึ้น โดยเฉพาะหากผลประกอบการยังโตต่อ และ 3) ช่วง 18 ปีที่ผ่านมา SET index ไม่เคยติดลบ 2 ปีติดต่อกัน คือ ปีไหนติดลบ ปีต่อมาดีดขึ้นได้ทุกครั้ง

สรุปจะเอาอะไรมาทะยาน ?

สั้น ๆ ครับ เศรษฐกิจยังเติบโตได้ ผลประกอบการยังเติบโตดี ราคาหุ้นที่ร่วงในปีนี้ทำให้โอกาสดีดตัวแรงปีหน้ามีสูงมาก ๆ อันที่จริง ในสถานการณ์ที่หุ้นร่วงลงมาแล้วแบบนี้ การมองว่าหุ้นจะ “ดีด” ในอีก 12 เดือนข้างหน้า มันง่ายกว่าการบอกว่าหุ้นจะไปต่อหลังจากวิ่งมาไกล ๆ มากนัก เปรียบเหมือนการทายว่าของดีราคาถูกจะมีราคาสูงขึ้น ย่อมมีโอกาสทายถูกสูงมาก และง่ายกว่าการทายว่าของแพงจะแพงขึ้นไปอีก

มันไม่มีปีไหนหรอกครับที่ตลาดหุ้น “ไม่ผันผวน” ใน 5 ปีที่ผ่านมา ทุกปีจะมีคนทำนายว่า อีกปีสองปีจะมีวิกฤต (ไล่มาตั้งแต่ความเสี่ยงหนี้ยุโรป ยุโรปแตก Fed ขึ้นดอกเบี้ย ญี่ปุ่นธนูหัก จีน hard-landing สหรัฐ-ทะเลาะจีน น้ำมัน 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไทยป่วย ฯลฯ) ถ้าเราหวั่นไหวไปตามอารมณ์ และเลิกลงทุนไปตั้งแต่ SET index 1,200 จุดเมื่อ 5 ปีก่อน มองกลับไปตอนนี้คงน่าเสียดาย

ตราบใดที่เราลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ปรับพอร์ตบริหารความเสี่ยงไม่ให้เกินไปกว่าที่เราจะรับได้ ต่อให้เจอวิกฤตจริง ๆ

อย่างปี 2008 เราก็รอดได้ อย่าลืมว่าในครั้งวิกฤต 2008 นั้น SET index ใช้เวลา 2 ปีก็กลับมาเท่าทุน และพอครบ 2.5 ปี ก็กลายเป็นบวก 20% (ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปี ไม่รวมปันผล 3% ต่อปี)

คนออกจากตลาดไปก่อนอาจจะดูหล่อ แต่คนที่อยู่ต่อก็ไม่จำเป็นต้องแพ้

การลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานด้วยความเข้าใจ การปรับพอร์ตให้มีความผันผวนเหมาะกับเรา และจิตใจที่มั่นคงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาว และสำคัญกว่าเป้า SET index ระยะสั้นปีสองปีมากครับ

 

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!