ค่าเงินดอลลาร์แกว่งตัวในกรอบแคบ ตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/12) ที่ระดับ 32.85/87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (7/12) ที่ระดับ 32.81/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ มีความเห็นว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจากสัญญาภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลำตัวในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.79-32.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.79/80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนีิ้่ (11/12) ที่ระดับ 1.1357/58 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (7/12) ที่ระดับ 1.1369/70 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประชุมร่วมกับผู้นำของยุโรป และเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลงว่าด้วยการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนายกฯอังกฤษจะเจรจากับนายมาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ภายหลังจากที่ได้เลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit ออกไปโดยไม่มีกำหนดในช่วงวานนี้ (10/12) จากเดิมที่สภาสามัญชนของอังกฤษมีกำหนดลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้ (11/12)

ทางด้านนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ยังยืนกรานให้ EU งดเจรจาต่อรอง แต่ผู้นำของประเทศสมาชิกอาจจะหารือเกี่ยวกับแนวททางในการสนับสนุนการรับรองของสหราชอาณาจักรได้ นอกจากนี้สถาบันวิจัย Sentix ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซน ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือน ธ.ค. โดยปรับตัวลงสู่ระดับ -0.3 จากระดับ 8.8 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.1 โดยได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า, ความไม่สงบในฝรั่งเศส, การขาดดุลงบประมาณของอิตาลี และความไม่แน่นอนของการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1350-1.1387 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1379/82 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/12) ที่ระดับ 113.11/12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (7/12) ที่ 112.81/82 เยน/ดอลลาร์ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวาน (10/12) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 หดตัวลง 2.5 % เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สดในรอบ 4 ปี เนื่อจากภายพิบัติทางธรรมราชได้ส่งผลกระทบต่อรายจ่ายด้านการลงทุน รายจ่ายด้านการลงทุนลดลง 2.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงอย่างมากจากที่ลดลงเพียง 0.2% ในรายงานเบื้องต้น นอกจากนี้การใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเช่นกัน ถูกปรับทบทวนเป็นลดลง 0.21% จากเดิมลดลง 0.1% ส่วนการลงทุนภาคสาธารณะลดลง 2.0% จากเดิมลดลง 1.9% โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.01-113.35 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.08/09 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) เดือน พ.ย. (11/12) อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. (12/12) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (13/12) ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. (14/12) การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. (14/12) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน ธ.ค.จากมาร์กิต (14/12) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ธ.ค. จากมาร์กิต (14/12) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ต.ค. (14/12)

สำหรับอัตราป้องกัันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -4.10/-3.90 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.50/-1.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ