ปอนด์อ่อนค่า หลังผู้นำอียูยืนกรานปฏิเสธแก้ไขร่างข้อตกลง Brexit กับเทเรซา เมย์

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 12 ธันวาคม 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/12) ที่ระดับ 32.74/75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (11/12) ที่ระดับ 32.79/32.81 บาท/ดอลลาร์ แต่หากเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังสหรัฐและจีนมีทีท่าผ่อนคลายขึ้น โดยจีนอยู่ระหว่างพิจารณาลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ จากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 15 อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ และดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของปอนด์ด้วย ในขณะที่ปอนด์ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเรื่องการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ขณะเดียวกันสหรัฐก็เผชิญกับปัญหาขัดแย้งภายในเชิงนโยบาย โดยวานนี้ (11/12) ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศต่อหน้าสื่อมวลชน และสองแกนนำพรรคเดโมแครตว่า หากสภาคองเกรสไม่พิจารณาให้รวมงบประมาณในการสร้างกำแพงที่ชายแดนประเทศเม็กซิโกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายงบประมาณภาครัฐที่จะมีการหารือในช่วงสิ้นปีนี้จะยอมให้เกิดภาวะปิดหน่วยงานราชการสหรัฐ (Government Shutdown)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ต.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ต.ค. ทั้งนี้ตลาดจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อคืนนี้ (12/12) เพื่อดูทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า (18-1-/12) โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.735-32.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 32.78/32.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/12) ที่ระดับ 1.1329/31 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/12) ที่ระดับ 1.1384/86 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากการขาดดุลภาครัฐของยูโรโซน ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายมาครองได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือประชาชนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวอาจส่งผลให้เป้าการขาดดุลของฝรั่งเศสเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกันค่าเงินปอนด์ก็อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่มีการเจรจาต่อรองครั้งใหม่ต่อข้อตกลง Brexit โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางเข้าพบผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) วานนี้ (11/12) เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1314-1.1334 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1324/26 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/12) ที่ระดับ 113.48/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/12) ที่ 113.06/08 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเช้าวันนี้มีการเปิดเผยตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.3% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ส่วนยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 7.6% จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง  113.32-113.51 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.46/48 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. (12/12) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (13/12) ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. (14/12) การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. (14/12) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ธ.ค. จากมาร์กิต (14/12) และสต้อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ต.ค. (14/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -3.8/-3.65 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.25/-1.75 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!