นักวิชาการชี้ปี’62 ศก.ไทยเจอปัจจัยเสี่ยงสูง คาดเลิกจ้างพุ่ง!

ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หนี้เฉลี่ยครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากการสำรวจของหอการค้าโดยมูลค่าหนี้อยู่ที่ 3.16 แสนบาทต่อครัวเรือน นั้น จะมีอ่อนไหวในเรื่องความสามารถในการผ่อนชำระมากยิ่งขึ้น จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น การก่อหนี้เพื่อซื้อสินทรัพยถาวร อาทิ บ้าน รถยนต์ จะชะลอตัวลง การลงทุนเพื่อประกอบกิจการอาจชะลอตัวลงด้วย จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น

ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า ยอดหนี้ครัวเรือนโดยรวมอยู่ที่มากกว่า 12 ล้านล้านบาท อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในอนาคตได้ การทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นเพื่อลดการก่อหนี้เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะเป็นแก้ปัญหาความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินนโยบายเข้มงวดทางการเงิน สำหรับประชาชนในระดับฐานรากนั้น ผู้ใช้แรงงานควรได้รับการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มเติม นอกจากนี้ควรมีมาตรการพยุงราคาสินค้าเกษตรเพิ่มเติม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคตและป้องกันปัญหาฟองสบู่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่เร็วเกินไป และ อาจซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ แม้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะลดลงมาเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 77% จากระดับ 80% เมื่อ 3-4 ปีก่อน

ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า แม้เงินเฟ้อไตรมาสแรกปีหน้าปรับตัวสูงขึ้นอันเป็นผลจากการปรับเพิ่มค่าโดยสารสาธารณะ ราคาพลังงานและกิจกรรมการเลือก ตั้งแต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้มีแรงกดดันหรือปัญหาทางด้านเสถียรภาพ จึงยังคงยืนยันความเห็นว่า เร็วเกินไปที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินรอบนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจในระดับฐานรากชะลอตัวลงอีก เงินบาทแข็งค่ากระทบต่อภาคส่งออก

ดร. อนุสรณ์ กล่าวถึง ปัญหาการเลิกจ้างว่า ขณะนี้ กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่เพิ่มอัตราชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ใช้แรงงาน ช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของผู้ถูกเลิกจ้างได้ระดับหนึ่ง ขณะที่กรณีย้ายสถานประกอบการไปที่อื่น หากลูกจ้างไม่ประสงค์ย้ายตามไป ก็สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างและได้สิทธิชดเชยตามอัตราใหม่ เช่น ลูกจ้างทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 400 วัน

” ปีหน้าจะมีธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตต่ำมาก มีความเสี่ยงสูงและจะมีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มเติมจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ได้แก่ 1.ธุรกิจอุตสาหกรรมทีวี ทีวีดิจิทัล เคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์และสำนักพิมพ์ต่างๆ 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหรือการให้เช่า CD DVD 3. ธุรกิจอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางและปาล์มน้ำมัน 4. สถานศึกษาเอกชน 5. ธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิม 6. ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานและธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ต 7. ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้ 8. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องหนัง 9. เครือข่ายสาขาสถาบันการเงิน 10. เครือข่ายห้างสรรพสินค้า ” ดร. อนุสรณ์ กล่าว

 

ที่มา:มติชนออนไลน์