
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Range bound
เมื่อวานแบงก์ใหญ่ (BBL KBANK) Outperform และรับเหมาเริ่มขยับขึ้น (CK STEC) ขณะที่พลังงานเด่น TOP ส่วน PTT ยืน ช่วยพยุงดัชนีฯ ส่งผลให้แนวโน้มตลาดวันนี้ยังคงมีลุ้น ดีดตัวขึ้นต่อ จากแรงซื้อคืนหุ้นแบงก์ใหญ่ก่อนจะประกาศปันผลระหว่างกาลในสัปดาห์หน้า บวกกับ สัปดาห์หน้า 31 สค. MSCI rebalance จะมีผลต่อราคาหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักรอบนี้…
วันนี้คาด range bound ในกรอบ 1,565-1,580 จุด
Outperform…คงคาด กลุ่มแบงก์ (BBL KBANK SCB เพราะมีปันผลระหว่างกาลรออยู่…ทั้งนี้ช่วงปลายเดือน
สค..-ก.ย. กลุ่มแบงก์มีโอกาสขึ้นรับประกาศปันผลระหว่างกาล หลังแจ้งงบสอบทาน) พลังงาน PTT (XD 8 บ. 31 ส.ค.) PTTEP (เล่นรีบาวด์ตามน้ำมัน) โรงแรม (CENTEL MINT ย่อซื้อเล่นตามฤดูกาล) รับเหมา (STEC CK 31 สค.ประมูลรถไฟทางคู่ ประจวบ-ชุมพร)
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาด “เด้งสลับย่อ กรอบเดิม 1,555-1,580” โดยกลุ่มหุ้นตัวกลางเล็ก คาดจะวนกลับมาเล่น (1) เน้นไปที่หุ้นเล็กที่ประกาศงบไม่ตรงกับปีปฏิทิน เช่น PICO TAPAC (คาดประกาศงบ 3Q ต้นเดือน ก.ย.) คาดกำไรเติบโตโดดเด่น (2) หุ้นส่งออก ท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน GFPT CCET DELTA
CENTEL AOT
หุ้นแนะนำวันนี้
JWD แนวรับ 10.2 บ. ต้าน 10.7/10.8 บ. Stop loss 10 บ.
BCH แนวรับ 14.3 บ. ต้าน 14.8 บ. Stop loss 14 บ. คาดตลาดจะกลับมาเล่นหุ้น รพ.ตัวรองที่ยัง Laggard รพ.ในแง่ Share price performance… การเพิ่มค่ารักษา สปส.เมื่อ 1 กค.ที่ผ่านมา ส่งผลบวกต่อ BCH สูงสุดเพราะสัดส่วนคนไข้
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ธปท. ระบุ GDP Q2/60 ขยายตัวสูงกว่าคาด หลังการบริโภค-ลงทุนเอกชนดีกว่าที่ประเมินไว้ ธปท. เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ขยายตัว 3.7% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน หรือ 1.3 % จากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้ โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวเร่งขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้น และการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้ในระยะต่อไป คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้า และความต่อเนื่องของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐคาดหุ้นบูลชิพใหญ่ขึ้นรับข่าว เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีกว่าคาด หลัง ธปท.สรุปรายงาน GDP 2Q17 +3.7% ดีกว่าคาดที่ 3.2% (จาก 3.3%) พร้อมทั้งปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 3.5-4% จาก 3.3-3.8%
(*) คาดกรณีคำตัดสินคดีจำนำข้าว 25 สค.นี้ จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับคดียุบพรรคการเมืองรวมถึงคดีการเมืองอื่นๆในอดีต ยกตัวอย่างเช่น คดียุบพรรคพลังประชาชน เมื่อ 2 ธค.2008 หุ้นไทยกลับตัวขึ้นจาก 387 จุด เป็น 392 จุดในวันถัดมา และบวกต่อ 23% (m-m) หลังคำตัดสิน 1 เดือน
(*) Jackson Hole meeting คาดประธานเฟดจะแสดงความเห็น
(1) การผ่อนปรนกฎหมายควบคุมสถาบันการเงินขนาดเล็ก
(2) หากมีการแสดงมุมมองกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ จะเป็นการส่งสัญญาณ การขึ้นดอกเบี้ย ในเดือน ธค.นี้ ซึ่งหากไม่พูดถึง ตลาดอาจตีความตรงข้าม คือไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธค.
(3) ก่อนจะหมดวาระในเดือน กพ. 2018 คาดการประชุมครั้งนี้จะไม่แสดงจุดยืนนโยบายในปีหน้า ซึ่ง ต้องรอดู ผู้ถูกเสนอชื่อ ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ของ “ทรัมป์” ซึ่งตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อว่าที่ประธานเฟดคนใหม่จาก “สายการเงินและธนาคารภาคเอกชน”
(0) การซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้ และสหรัฐฯ รอบใหม่เริ่มขึ้นตามกำหนดการเดิมวานนี้ ตลาดวิตกเกาหลีเหนืออ้างเป็นเหตุจุดชนวนความตึงเครียดปะทุรอบใหม่