นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมาตรการดังกล่าว กำหนดให้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ชำระเงินที่ใช้บัตรเดบิตของตนเองทุกประเภทที่ออกในไทยและมีการใช้จ่ายในไทย ไม่รวมถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้การซื้อสินค้าและบริการที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่รวมสินค้าและบริการที่มีภาษีสรรพสามิต เริ่มใช้มาตรการฯ ช่วงวันที่ 1-15 ก.พ. 2562
โดยการซื้อสินค้าและบริการดังกล่าวจะต้องใช้บริการกับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้ระบบบันทึกการเก็บเงิน (POS) ที่สามารถแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ออกจากราคาสินค้าและบริการ หลังจากนั้นจะจ่ายเงินคืนชดเชย 5% โดยจ่ายเงินชดเชยสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาทต่อคน ผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ใช้เลขบัตรประชาชน ภายในเดือน พ.ย.2562 ซึ่งมาจากการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีปีงบประมาณ 2563 โดยจะเปิดให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 7-31 ม.ค.2562 ผ่านทั้ง 2 ช่องทาง ประกอบด้วย สาขาธนาคารที่ผู้ใช้สมัตรบัตรเดบิต และเว็บไซต์ www.epayment.go.th
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
“โดยมาตรการนี้มุ่งส่งเสริมการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เงินสด เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานตาม National E-Payment และเป็นการส่งเสริมไม่ให้ประชาชนมีภาระหนี้เกินตัว
นอกจากนี้ สศค.มีการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทยแล้ว เพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเดบิต ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปี 2562 เพื่อส่งเสริมไม่ให้ประชาชนก่อหนี้จากการใช้บัตรเครดิต” นายลวรณ กล่าว