“แอฟริกาใต้” พลิกฟื้นจากวิกฤต …สู่ดินแดนแห่งโอกาสการลงทุน

คอลมน์ เลียบรั้วเลาะโลก

โดย ขวัญใจ เตชเสนสกุล EXIM BANK

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจแอฟริกาใต้ที่เพิ่งฟื้นตัวจากหลากหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งวิกฤตภัยแล้ง ปัญหาการว่างงาน และรายได้จากการส่งออกที่ลดลงตามภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ รัฐบาลแอฟริกาใต้จึงเปลี่ยนมามุ่งเน้นดำเนินนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยหวังให้ FDI เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจแอฟริกาใต้ขยายตัวเฉลี่ย 5% ต่อปี ในช่วงปี 2560-2573 ผ่านการยกเครื่องนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศครั้งใหญ่ ทั้งการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดตั้งศูนย์ One Stop Service ด้านการลงทุน หรือที่เรียกว่า Invest South Africa One Stop Shop (Invest SA OSS) ขึ้นในปี 2559 เพื่อเป็นตัวกลางในการติดต่อหน่วยงานสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติในการดำเนินธุรกิจในแอฟริกาใต้

โดย Invest SA OSS แห่งแรกตั้งอยู่ในกรุงพริทอเรีย เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ การดำเนินงานของ Invest SA OSS ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และได้รับรางวัลหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของโลก จากทั้งหมด 51 หน่วยงานทั่วโลกที่เข้าร่วมในงาน World Investment Forum 2016 นอกจากนี้ ยังมีส่วนผลักดันให้มูลค่า FDI ของแอฟริกาใต้ปี 2559 ขยายตัว 38% จากปีก่อนหน้า สวนทางกับมูลค่า FDI ของภูมิภาคแอฟริกาโดยรวมที่หดตัว 5%

เม็ดเงินลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกที่หลั่งไหลเข้ามาในแอฟริกาใต้ส่วนหนึ่งเข้ามาเพื่อขยายตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากชาวแอฟริกาใต้มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 5,480 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Upper-middle Income Country ขณะที่เม็ดเงินลงทุนอีกส่วนหนึ่งเข้ามาลงทุนเพื่อใช้แอฟริกาใต้เป็นฐานการผลิตเพื่อกระจายสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าที่แอฟริกาใต้ลงนามกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ข้อตกลงการค้าเสรีแอฟริกาใต้และสหภาพยุโรป (South Africa-EU FTA) นอกจากนี้ปัจจุบันแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพศุลกากรแอฟริกาตอนใต้ (South Africa Customs Union) อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับสหรัฐ

สำหรับธุรกิจที่มีศักยภาพในแอฟริกาใต้ที่ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสทำการค้าการลงทุน อาทิ 1) เกษตรและเกษตรแปรรูป ซึ่งแอฟริกาใต้อุดมไปด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะผลไม้สดและเมล็ดกาแฟ นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ยังเป็นประเทศที่บริโภคข้าวและต้องนำเข้าข้าวในปริมาณมาก โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าข้าวอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้ มีสัดส่วนกว่า 50% ของมูลค่านำเข้าข้าวทั้งหมด 2) รถยนต์และส่วนประกอบ บริษัทต่างชาติรายใหญ่หลายราย อาทิ BMW, Volkswagen, Ford และ Toyota เข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์และส่วนประกอบ เพื่อใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและแรงงานที่มีทักษะในแอฟริกาใต้ ตลอดจนการใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลง South Africa-EU FTA เพื่อส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบไปยังตลาดหลักอย่างยุโรปได้อีกด้วย 3) ผลิตภัณฑ์พลาสติก มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ ยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งกำลังขยายตัวดีในแอฟริกาใต้และหลายประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ทั้งนี้ แอฟริกาใต้ส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคแอฟริกาเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจแอฟริกาใต้ไม่ค่อยสดใสนัก แต่เม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้าไปในแอฟริกาใต้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่านักลงทุนยังเชื่อมั่นว่าแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีศักยภาพ และเป็นประตูแห่งโอกาสด้านการค้าการลงทุนในภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งในหลายธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญและยังมีช่องว่างให้เข้าไปลงทุนได้อีกมาก ประกอบกับการจัดตั้ง Invest SA OSS ยังช่วยให้การลงทุนในแอฟริกาใต้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้แอฟริกาใต้ก้าวขึ้นมาเป็นฐานการผลิตที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก

 

Disclaimer : คอลัมน์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ EXIM BANK