กรมศุลติวเข้มนักธุรกิจ ตปท. รับกม.ใหม่-ครม.ไฟเขียวภาษีสรรพสามิต

กรมศุลฯ ติวเข้มผู้ประกอบการต่างชาติ รับ กม.ใหม่บังคับใช้ 13 พ.ย. 60 เร่งกฎหมายลูก เปิดฟังความเห็น สั่งตั้งทีมตรวจปล่อยสินค้าเสี่ยงด่าน “แหลมฉบัง-สุวรรณภูมิ” เดือนธันวาคมนี้ ครม.ไฟเขียวภาษีสรรพสามิตใหม่ยกแผง ไม่รวม “น้ำเมา-ยาสูบ-ไพ่”

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า เนื่องจากกฎหมายศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ทางกรมศุลฯ จึงต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเมื่อ22 ส.ค. 60 ได้จัดงาน “ศุลกากรพบภาคธุรกิจต่างประเทศ” เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อความสะดวกทางการค้ามากขึ้น

“กฎหมายใหม่จะเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง โดยจะนำระบบไอทีเข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อลดอุปสรรคการทำธุรกิจให้ได้มากที่สุด เราจะออกกฎหมายลูก ซึ่งเฉพาะส่วนที่เป็นอำนาจอธิบดีก็มีเป็น 100 มาตราแล้ว เช่น การอำนวยความสะดวกการค้าเสรี เขตปลอดอากรที่ไม่ต้องขออนุญาต การลดเวลาสินค้าผ่านแดนให้ต้องออกไปประเทศที่ 3 ภายใน 30 วัน จากเดิมที่มากองอยู่ที่ชายแดนเป็นเวลานาน ส่วนเรื่องสินบนรางวัลนำจับก็จะลดลงเหลือ 20% จาก 55% โดยมีเพดานไม่เกิน 5 ล้านบาท ตอนนี้กฎหมายลูกทำได้ 80% แล้ว ในเดือน ก.ย. นี้จะเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกที”

สำหรับในปีงบประมาณ 2561 กรมศุลฯได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้าแบบเป็นทีม โดยเฉพาะสินค้าที่มีความเสี่ยง อาทิ เหล็ก พลาสติก รถยนต์ สินค้าไอที สินค้าเกษตร เครื่องจักร อาหารเสริม วิตามิน เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มจากท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ ภายในเดือน ธ.ค.ปีนี้ และจะขยายไปท่าเรือกรุงเทพในระยะต่อไป

“ถ้าเป็นตู้สินค้าที่มีความเสี่ยง หรือมีประวัตินำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์-ทรัพย์สินทางปัญญาเข้ามา เราก็จะใช้ทีมตรวจให้รอบคอบมากขึ้น โดยทีมจะมีเจ้าหน้าที่จากหลายส่วน จากเดิมมีเฉพาะส่วนบริการคนเดียวก็ตรวจปล่อยได้ รวมถึงจะมีเจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามเป็นทีมพิเศษเข้าไปตรวจสอบหลังปล่อยของแล้วด้วย” นายกุลิศกล่าว

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกฎหมายลูกที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยรายละเอียดจะมีการปรับปรุงอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิตทุกชนิดสินค้า แต่จะยกเว้นประเภทสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบและไพ่ ที่ยังไม่ได้เสนอ ครม. ในคราวนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกักตุนสินค้า เพราะกว่าอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้จริง ต้องรอวันที่ 16 ก.ย. 2560

สำหรับการปรับปรุงอัตราภาษีสรรพสามิตรอบนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับการที่เปลี่ยนไปใช้ฐานภาษี “ราคาขายปลีกแนะนำ” จึงยืนยันว่าจะไม่เป็นการเพิ่มภาระผู้ประกอบการในช่วงนี้ ทั้งนี้ นอกจากจะปรับอัตราภาษีของสินค้าสรรพสามิตที่มีอยู่เดิม อาทิ รถยนต์ น้ำมัน เป็นต้น ก็ยังมีการเพิ่มประเภทการจัดเก็บอย่างกรณีภาษีความหวานที่เก็บจากเครื่องดื่ม ภาษีชา-กาแฟ เป็นต้น

“ปรับภาษีรอบนี้ไม่ได้หวังรายได้ เพราะปีงบประมาณ 2560 คาดว่าจะเก็บรายได้เกินเป้ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยน่าจะเก็บได้ 5.56-5.58 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 5.49 แสนล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2561 มีเป้าหมายเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท”