
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
เล่นหุ้นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า
หุ้นที่ Outperform ตลาดเมื่อวาน ยังคงเป็นไปตาม Theme การลงทุนตามที่เราแนะนำ เช่น เช่าซื้อ GCAP ECL ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยต่ำ(อีกนาน) และ หุ้นอานิสงส์บวกจาก ค่าเงินบาทอ่อนค่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HANA (แต่ที่แนะนำไปเช่น DELTA CCET ยังไม่ขึ้น), หุ้นโรงแรมท่องเที่ยว MINT CENTEL AOT
วันนี้คาด แกว่งในกรอบ 1,565-1,580 จุด ปัจจัยลบ ต่างประเทศ ปธน.ทรัมป์ ขู่ Government Shut down ในการพิจารณางบฯปีและเพดานหนี้รอบใหม่ในเดือน ต.ค. หากรัฐสภาไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกกับสหรัฐฯ แต่คาดกระทบหุ้นไทยจำกัด
ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงคาดว่าจะหนุนหุ้นไทยให้ Outperform โดยเมื่อวานนี้ ก.พาณิชย์ รายงานส่งออกเดือน ก.ค.+10.48% y-y (7 เดือน ขยายตัว +8.2%) พร้อมทั้งปรับเป้าใหม่เป็น 5-6% ด้านแบงก์ชาติเล็งปรับเป้าส่งออกใหม่ขึ้น อาจสูงกว่า 5.7% (เดิมคาด 5%) ทั้งนี้สินค้าส่งออกหลักที่ขยายตัวแรงต่อเนื่องยังคงมาจาก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาด “เด้งสลับย่อ กรอบเดิม 1,555-1,580” โดยกลุ่มหุ้นตัวกลางเล็ก คาดจะวนกลับมาเล่น (1) เน้นไปที่หุ้นเล็กที่ประกาศงบไม่ตรงกับปีปฏิทิน เช่น PICO TAPAC (คาดประกาศงบ 3Q ต้นเดือน ก.ย.) คาดกำไรเติบโตโดดเด่น (2) หุ้นส่งออก ท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน GFPT CCET DELTA CENTEL AOT
หุ้นแนะนำวันนี้
BAFS แนวรับ 44.25 บ. ต้าน 46 บ. Stop loss 43 บ. High season การบริการเติมน้ำมันเครื่องบินตาม
ปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลท่องเที่ยว สอดคล้องกับ Traffic ของ AOT (ดักประชุม ผบห.พบนัก
ลงทุน ที่ตลาดฯพรุ่งนี้)
SPPT สะสมอ่อนตัว คาดรีบาวด์จาก Oversold แนวรับ 4.5 บ. ต้าน 5 บ. Stop loss 4 บ. ธุรกิจกลุ่มชิ้นส่วน
Hard disk drive และส่งออก Consumer electronic พลิกมีกำไร โดยงบ 2Q17 กำไรหลักอยู่ที่ 1 ลบ. พลิก
จากขาดทุน y-y (2Q17 ขาดทุน 4.2 ลบ. มาจาก การตั้งด้อยค่าเครื่องจักรสินทรัพย์เสื่อมสภาพ 3.2 ลบ.และ
คืนเครดิตภาษี 1.3 ลบ. ทำให้ขาดทุน ซึ่งถ้าหักรายการขาดทุนทางบัญชีตรงนี้ออกจะมีกำไร)
CENTEL แนวรับ 39 ต้าน 41 Stop loss 38.5
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ธปท. ระบุ GDP Q2/60 ขยายตัวสูงกว่าคาด หลังการบริโภค-ลงทุนเอกชนดีกว่าที่ประเมินไว้
ธปท.เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ขยายตัว 3.7% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน หรือ
1.3 % จากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้ โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าและ
บริการที่ขยายตัวเร่งขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้น และการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและ
การลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้
ในระยะต่อไป คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม
ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่
อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้า และความต่อเนื่องของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ
คาดหุ้นบูลชิพใหญ่ขึ้นรับข่าว เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีกว่าคาด หลัง ธปท.สรุปรายงาน GDP 2Q17 +3.7%
ดีกว่าคาดที่ 3.2% (จาก 3.3%) พร้อมทั้งปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 3.5-4% จาก 3.3-3.8%
(*) คาดกรณีคำตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้ จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับคดียุบพรรค
การเมืองรวมถึงคดีการเมืองอื่นๆในอดีต ยกตัวอย่างเช่น คดียุบพรรคพลังประชาชน เมื่อ 2 ธ.ค.2008 หุ้นไทย
กลับตัวขึ้นจาก 387 จุด เป็น 392 จุดในวันถัดมา และบวกต่อ 23% (m-m) หลังคำตัดสิน 1 เดือน
(*) คาดกรณีคำตัดสินคดีจำนำข้าว 25 ส.ค.นี้ จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับคดียุบพรรค
การเมืองรวมถึงคดีการเมืองอื่นๆในอดีต ยกตัวอย่างเช่น คดียุบพรรคพลังประชาชน เมื่อ 2 ธ.ค.2008 หุ้นไทย
กลับตัวขึ้นจาก 387 จุด เป็น 392 จุดในวันถัดมา และบวกต่อ 23% (m-m) หลังคำตัดสิน 1 เดือน
(*) Jackson Hole meeting คาดประธานเฟดจะแสดงความเห็น
(1) การผ่อนปรนกฎหมายควบคุมสถาบันการเงินขนาดเล็ก
(2) หากมีการแสดงมุมมองกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ จะเป็นการส่งสัญญาณ การขึ้นดอกเบี้ย ในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่พูดถึง ตลาดอาจตีความตรงข้าม คือไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
(3) ก่อนจะหมดวาระในเดือน ก.พ. 2018 คาดการประชุมครั้งนี้จะไม่แสดงจุดยืนนโยบายในปีหน้า ซึ่ง ต้องรอ
ดู ผู้ถูกเสนอชื่อ ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ของ “ทรัมป์” ซึ่งตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อว่าที่ประธานเฟดคน
ใหม่จาก “สายการเงินและธนาคารภาคเอกชน”