ค่าเงินบาทผันผวน รอลุ้นผลการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 8 มกราคม 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/1) ที่ระดับ 31.94/96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดลาดในวันจันทร์ (7/1) ที่ระดับ 31.98/32.00 บาท/ดอลลาร์ ภายหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีภาคบริการร่วงลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนธันวาคม ซึ่่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59.0 หลังจากแตะระดับ 60.7 ในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ นักลงทุนได้เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงสกุลเงินในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา (emerging market) รวมถึงค่าเงินบาทหลังจากมีความคาดหวังว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นสงครามการค้าจะผ่านไปได้ด้วยดีโดยล่าสุดคณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐ ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในระหว่างวันที่ 7-8 มกราคมนี้เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของจีน โดยการประชุมดังกล่าวนับเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา

สำหรับประเด็นในการเจรจามีอยู่หลายประเด็นด้วยกัน ทั้งประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา, ข้อกล่าวหาบริษัทในจีนสำหรับการจารกรรมข้อมูล, ยุทธศาสตร์ของจีนในการเป็นผู้นำภาคการผลิตขั้นสูงที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม, ข้อตกลงด้านการนำเข้าสินค้าเกษตรและยานยนต์จากสหรัฐ และการยกระดับสิทธิในการเข้าถึงของธนาคารต่างชาติในจีน ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้น ค่าเงินบาทถูกกดดันจากการที่ กระทรวงมหาดไทยได้ออกหนังสือเวียนถึงนายทะเบียนจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อระงับการดำเนินการตามแผนงานเตรียมการเลือกตั้ง เนื่องจากได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 นั้นยังไม่ได้ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงจำเป็นต้องระงับกระบวนการดังกล่าว ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้น โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.94-32.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.06/08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/1) ที่ระดับ 1.1460/62 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (7/1) ที่ระดับ 1.1428/32 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามค่าเงินยูโรยังถูกกดดันจากความเสี่ยงกรณี Brexit โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป กำลังพิจารณาหามาตรการรองรับเพื่อให้นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษสามารถโน้มน้าวให้รัฐสภาลงมติรับร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ตามที่ได้ตกลงไว้กับบรรดาผู้นำสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยการจัดการลงมติในรนัฐสภาต่อร่างข้อตกลงดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 15 มกราคมนี้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1433-1.1462 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1460/62 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (8/1) ที่ระดับ 108.55/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (7/1) ที่ 108.23/26 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนได้เทขายสินทรัพย์ปลอดภัยและหันเข้าไปถือครองสินทรัพ์เสี่ยงแทน จากความคาดหวังในการสงบศึกทางการค้าของสหรัฐและจีน ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการเปิดเผยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำหรับเดือนธันวาคม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จากระดับ 42.9 ในเดือนพฤศจิกายน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 42.8 สำหรับระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.53-109.08 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 108.83/85 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (10/1) การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือน พ.ย. (10/1) ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ย. (10/1) สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ย. (10/1) อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. (11/1)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.30/-2.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.5/-1.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ