มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ดัน “ดัชนีค่าครองชีพ-ศก.ธ.ค.” ดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3

รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัด ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 46.0 ในเดือนธันวาคม 2561 จากเดิมที่ระดับ 45.7 ในเดือนพฤศจิกายน 2561 เนื่องจากครัวเรือนไทยบางส่วนมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นผลของหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของการปรับขึ้นค่าจ้าง/เงินเดือน และจ่ายเงินโบนัสประจำปีของแต่ละหน่วยงาน/องค์กร การได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผลประกอบการของครัวเรือนในภาคการค้าและบริการที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี รวมไปถึงมาตรการของภาครัฐที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปี เป็นเงิน 500 บาทต่อคน นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรบางรายการสำคัญที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง อาทิ ข้าวและมันสำปะหลัง ก็มีส่วนช่วยให้รายได้ครัวเรือนเกษตรบางพื้นที่ยังประคองตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ รายได้ของครัวเรือนบางส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเงินโบนัส ช่วยหนุนให้ครัวเรือนมีเงินเก็บออมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือนข้างต้นส่วนใหญ่เป็นปัจจัยเชิงฤดูกาลและปัจจัยที่มีผลต่อรายได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งยังต้องติดตามทิศทางรายได้ของครัวเรือนในระยะข้างหน้า หลังผลของปัจจัยเชิงฤดูกาลและปัจจัยที่มีผลเพียงครั้งเดียวสิ้นสุดลง

รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องไปกับมุมมองของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในปัจจุบัน โดยในเดือนธันวาคม 2561 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.6 จากเดิมที่ระดับ 47.4 ในการสำรวจช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เนื่องจากครัวเรือนมีความกังวลที่ลดลงต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผ่านพ้นช่วงเทศกาลปลายปีที่ครัวเรือนจะมีการใช้จ่ายที่สูงกว่าเดือนอื่นๆ ในการซื้อของขวัญ ท่องเที่ยว พบปะสังสรรค์ รวมไปถึงการทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว

“สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องติดตามซึ่งจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่คาดว่าจะร้อนและแห้งแล้งกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ซึ่งอาจทำให้ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดน้อยลง และอาจจะกระทบต่อรายได้ครัวเรือนเกษตร ในขณะที่ระดับราคาสินค้าและบริการภายในประเทศช่วงไตรมาสแรก คาดว่าจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางและค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประเด็นความแน่ชัดในเรื่องการเลือกตั้งที่น่าจะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนบรรยากาศการใช้จ่ายของครัวเรือนไทยในระยะข้างหน้า” รายงานข่าวระบุ

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์