นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนการควบรวมกิจการระหว่างสถาบันการเงินที่ออกมาแล้วนั้น กรณีหากมีการขอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณีของบริษัทลูกของแบงก์นั้น ยืนยันว่าไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากมาตรการที่ออกมาก็กำหนดไว้ให้เป็นการทั่วไปอยู่แล้ว
“เกณฑ์เรามีอยู่แล้ว ก็ต้องทำตามนั้น ถ้าจะควบรวมไม่ได้ ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่แฟร์ เดี๋ยวคนนั้นอยากควบรวมกับบริษัทนี้มาขอแบบนั้น ส่วนอีกคนอยากควบรวมกับอีกบริษัทก็ขออีกอย่าง” นายลวรณกล่าว
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
นายลวรณกล่าวว่า ทาง สศค.มองว่า ถ้าสถาบันการเงินรวมกันได้แล้วเกิดความเข้มแข็งก็เป็นเรื่องที่ดี โดยกรณีที่มีการเพิ่มทุน ทาง สศค.เห็นว่า ถ้ามองในแง่นักลงทุน ทางกระทรวงการคลังควรเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือครองหุ้นไว้ที่ระดับกว่า 20% ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะพิจารณา ว่าหากคลังจะใส่เงินเพิ่มทุน จะใช้เงินจากแหล่งใด โดยจะต้องเสนอ รมว.คลังตัดสินใจ รวมถึงเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ
“เรามองการควบรวมเป็นเรื่องดี เพราะเห็นประโยชน์ในแง่ต้นทุนของแบงก์ที่ควบรวมกันแล้ว ว่าจะลดลง ส่วนเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น ก็ต้องบวกลบคูณหารดู ว่าถ้าถือสัดส่วนลดลง แต่ราคาหุ้นสูงขึ้นไป บวกลบคูณหารออกมาแล้วเท่าเดิม ไม่มีความเสียหาย แบบนี้ก็รับได้” นายลวรณกล่าว