คลังสบช่องกู้เอ็กซิมแบงก์จีนลงทุนรถไฟไทย-จีน หลังสถานการณ์ดอกเบี้ยในตลาดโลกเปลี่ยน-ครม. เปิดทาง ชี้ส่งผลปัจจุบันกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐสวอปมาเป็นเงินบาทดอกเบี้ยถูกกว่ากู้ในประเทศ แจงระยะเวลากู้ 20 ปี ปลอดชำระเงินต้น 5 ปีแรก
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเกี่ยวกับแนวทางการกู้เงินสำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยทบทวนแนวทางการกู้เงิน เปิดทางให้กู้ต่างประเทศมาลงทุนได้ จากที่มติ ครม. เดิมเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2560 ให้กู้จากในประเทศ เนื่องจากขณะนั้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศถูกกว่า
“การกู้ต่างประเทศ จะเป็นการกู้จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศจีน หรือเอ็กซิมแบงก์จีน ซึ่งเจรจากันมาตั้งแต่ปี 2558 โดยจริง ๆ แล้ว ดอกเบี้ยไม่ได้ลดลงกว่าเดิม แต่เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น แต่ทางจีนไม่ได้ปรับเงื่อนไขเพิ่ม ทำให้เทอมการกู้ที่เจรจากันไว้ออกมาดี” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ทางเอ็กซิมแบงก์จีนคิดอยู่ที่ราว 3% ต่อปี ในเทอมการกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อมีการทำสวอปมาเป็นเงินบาทแล้ว ถือว่าต้นทุนออกมาต่ำกว่าการกู้เงินในประเทศ ซึ่งระยะเวลาการกู้จะเป็น 20 ปี และมีระยะปลอดชำระเงินต้น 5 ปีแรก
“เงินกู้ก็คงเจรจาเอาไว้ แต่การลงนามสัญญากู้เงิน ยังต้องรอความพร้อมโครงการก่อน ซึ่งเดิมมีกำหนดจะลงนามในสัญญา 2.3 ที่เป็นงานวางราง และตัวรถไฟฟ้า วงเงินประมาณ 38,000 ล้านบาท ช่วงปลายเดือน ม.ค. 2562 นี้ แต่ถึงตอนนี้น่าจะเลื่อนออกไปอีก เพราะทางจีนยังไม่ส่งแบบมาให้ดู” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล (G to G) ดังนั้น การดำเนินงานก่อสร้างจึงเป็นของจีนทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบก่อสร้างที่เป็นดีเทลดีไซน์ การจ้างคุมงาน การจ้างที่ปรึกษา และงานโยธา
ขณะที่นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวชี้แจงถึงกรณีมีข่าวว่า ประเทศไทยอาจจะประสบปัญหาต้นทุนการกู้เงินจากจีนที่อัตราดอกเบี้ยสูง เหมือนเช่นหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น
“โครงการนี้เป็นจีทูจี โดยรัฐบาลจีนจะสนับสนุนด้านการศึกษาโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง ส่วนรัฐบาลไทยจะเป็นผู้ลงทุนโครงการเองทั้งหมด โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากงบประมาณและเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลัก การกู้เงินจากรัฐบาลจีนจึงเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของแหล่งเงินเท่านั้น และปัจจุบันการกู้จากจีนก็ยังไม่มีการตกลงและผูกพันสัญญาใด ๆ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องสัญญาเงินกู้ และเงื่อนไขเงินกู้” นางจินดารัตน์กล่าว
นางจินดารัตน์กล่าวด้วยว่า ในการเจรจาได้มีการระบุถึงการกู้เงินจากรัฐบาลจีนว่า หากรัฐบาลไทยมีเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีกว่า หรือต้นทุนถูกกว่า ทางกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาเงื่อนไขเงินกู้เปรียบเทียบกับแหล่งเงินกู้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแหล่งเงินกู้ทางการอื่น ๆ ด้วย
ก่อนหน้านี้ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติทบทวนให้กระทรวงการคลังสามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เพื่อนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กู้ต่อเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ในวงเงินราว 160,000 ล้านบาท
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังรายงานว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลง และมีหลายสถาบันการเงินที่มีข้อเสนอที่น่าสนใจ จึงเห็นควรให้พิจารณากู้เงินจากต่างประเทศได้อีกช่องทางหนึ่ง เพื่อช่วยให้ประเทศประหยัดงบประมาณได้