2 แบงก์ปั้นหุ้นกู้แฝงอนุพันธ์ผลตอบแทนดีป้อนคนรวย

ไพรเวตแบงก์งัดกลยุทธ์ปั้นผลตอบแทนสูงเอาใจลูกค้ากลุ่มเวลท์ “กสิกรไทย” เน้นชวนลูกค้ากระจายพอร์ตลงทุนไปต่างประเทศ ชี้หุ้นเล็กใน “จีน-ญี่ปุ่น-ประเทศเกิดใหม่” แจ่ม แย้มเตรียมออกหุ้นกู้อนุพันธ์บนตราสารหนี้ผลตอบแทนสูง 140% ของตัวพื้นฐาน ด้าน “ซีไอเอ็มบี ไทย” ชู “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” 4 ประเภท หวังขึ้นแท่นเบอร์ 1 ตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวตแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ธนาคารเน้นแนะนำลูกค้ากลุ่มเวลท์ให้กระจายการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น เพราะตั้งแต่ต้นปี 2560 มา ตลาดทุนทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศเกิดใหม่ เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตร และกลุ่มประกันสุขภาพกลับมาโตตามเดิม ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนในต่างประเทศอยู่ในภาพที่ดีกว่า ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในไทยยังเติบโตค่อนข้างช้า

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์

อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีหลังยังต้องจับตาปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งความคาดหวังต่อนโยบายเศรษฐกิจนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงราคาหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสูงแล้ว ดังนั้น ธนาคารจึงแนะนำให้ลูกค้าลดน้ำหนักการลงทุนในสหรัฐลง เนื่องจากบางประเทศมีหุ้นขนาดเล็กที่น่าสนใจลงทุนกว่า อย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังเน้นกระจายการลงทุนทั่วโลก ซึ่งในครึ่งปีหลัง financial global มีเทรนด์ที่น่าลงทุน เพราะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว นอกจากนี้ ก็มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ internet of things (IOT) รวมถึงหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่

“พอร์ตที่เราแนะนำลูกค้าเพื่อให้ได้ผลตอบแทน 6-8% แบ่งเป็น แกนหลัก 50-70% ลงทุนในกองทุนผสม 3 กอง ซึ่งจะลงทุนผ่าน JP Morgan Lombard ฯลฯ ส่วนอีก 30-50% จะลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนระยะสั้นถึงกลาง อย่าง equity bond ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือหุ้นกู้อนุพันธ์บนตราสารหนี้ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนประมาณ 130-140% ของตัวพื้นฐาน คาดว่าจะออกภายในปีนี้” นายจิรวัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ทรัพย์สินภายใต้การบริหารของธนาคาร (AUM) ในส่วนไพรเวตแบงกิ้งอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท โดยมีฐานลูกค้าหลักหมื่นราย เฉลี่ยลูกค้ามี AUM 70 ล้านบาท/ราย ซึ่งปี 2560 ทางธนาคารคาดว่าทั้ง AUM และฐานลูกค้าจะมีการเติบโต 10-15%

นายภูดินันท์ เศรษฐนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,500 จุดในปีนี้ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่มากนัก ธนาคารจึงหันมาออกผลิตภัณฑ์ทางเลือกให้ลูกค้าสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น ได้แก่ หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง โดยจะเน้นในกลุ่มลูกค้า high net worth ตามเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดยหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่ธนาคารขายอยู่มี 4 ประเภท ได้แก่ 1) “Maxi EQ” ที่อ้างอิงกับตราสารทุน (หุ้น) ผลตอบแทนที่เคยทำได้ 7-18% 2) “Maxi V-Plus” หรือ “Maxi Return” ที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนที่เคยทำได้ 3.5-4.8% 3) “Maxi Precious” ที่อ้างอิงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ผลตอบแทนที่เคยทำได้ 5% และ 4) “Maxi X-Change” ที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน ผลตอบแทนที่เคยทำได้ 0.5-6%


“เรามีผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อแนะนำลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก โดยตัวหุ้นกู้อนุพันธ์ เรามีจุดเด่นที่มีให้เลือกหลากหลาย ส่วนครึ่งปีหลังดูอยู่ว่าจะออกแบบใดเพิ่ม ซึ่ง 6 เดือนแรก กลุ่มการเงิน ซีไอเอ็มบี ไทย ทำยอดขายไปแล้ว จำนวน 6,710.7 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 25% นับเป็นอันดับที่ 2 ของตลาด ส่วนปี 2561 เราตั้งเป้าหมาย เป็นเบอร์ 1 ของตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์” นายภูดินันท์กล่าว