เศรษฐกิจปีหมู หมูหรือไม่หมู

คอลัมน์ Smart SMEs

โดย สยาม ประสิทธิศิริกุล บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่กันแล้วนะครับ ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ก้าวเข้ามา ก่อนอื่นผมขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรง สมหวังดั่งใจในทุกประการสำหรับปีใหม่นี้นะครับ

สำหรับปีใหม่นี้ ตรงกับปีนักษัตรปีกุน หรือปีหมูนั่นเอง ว่าแต่อะไร ๆ จะหมูสมชื่อไหม คงต้องมาดูกันนะครับ ช่วงนี้จะมีหลายสำนักออกมาทำนายเศรษฐกิจปีེ กันหลายที่เลยทีเดียว ผมเองก็มีข้อมูลจากวิจัยกรุงศรีมาบอกเล่าเช่นกัน เกี่ยวกับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้าให้ทุกท่านได้นำไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนธุรกิจของท่าน

ที่น่าสนใจในปี 2561 คือ การใช้จ่ายภายในประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มสู่ขาขึ้น รวมทั้งมาตรการเร่งรัดโครงการที่ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐ และการเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการลงทุนตรงจากต่างประเทศ ที่ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนเพื่อเลี่ยงผลเชิงลบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ด้านการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องตามการกระเตื้องของรายได้ภาคเกษตร รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการจ้างงานนอกภาคเกษตร ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐ นอกเหนือจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับการจัดสรรเพิ่มงบประมาณในส่วนของผู้ถือบัตรสวัสดิการ รวมถึงการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเป็นสำคัญ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งจะมีส่วนเสริมการบริโภคและการลงทุนในประเทศ

สำหรับภาคส่งออกปี 2561 แนวโน้มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว โดยหลายประเทศได้ลดการกระตุ้นทางการเงินและปล่อยให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้น ทั้งนี้การค้าโลกอาจได้ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ตาม ภาคส่งออกของไทยอาจได้รับผลเชิงบวกจากการค้ากับหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตในอัตราสูง

ภาคท่องเที่ยวก็คาดว่าจะฟื้นตัว หลังทางการออกมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ ทั้งการขยายตัวของชนชั้นกลางโดยเฉพาะในเอเชีย การพัฒนาศักยภาพของสนามบินให้รองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ร้อยละ 4.1 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนกับการเร่งการลงทุนภาคธุรกิจซึ่งชดเชยการชะลอตัวของความต้องการซื้อจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งก็คาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามความท้าทายในปี 2562 นี้อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน การปรับนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก การแยกออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนทางการเงินตลาดเกิดใหม่ เสถียรภาพทางการเมืองไทยภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะเป็นตัวแปรที่ทำให้เศรษฐกิจปีหมู จะหมูหรือไม่หมูอย่างไร