บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่ เตรียมตั้งสำนักงานสิงคโปร์-รุก Thailand Fund หวังดึงดูดนักลงทุนเพิ่มขึ้น

นายเดนนิส ชอง บุน ลิม กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการรับเข้าตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ว่า คณะกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี ได้มอบหมายภารกิจ 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การบริหารจัดการสินทรัพย์ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดการสินทรัพย์ด้านกองทุนต่างๆให้ดีขึ้น คาดว่าสามารถบริหารจัดการได้ภายในไตรมาส1-2 ของปีนี้ ขณะเดียวกันมุ่งเน้นกระตุ้นทรัพยากรบุคคล เพื่อสร้างงานวิจัยที่มีคุณภาพ รวมถึงการสำรวจความต้องการของนักลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้นในการดึงดูดนักลงทุน

สำหรับภารกิจที่ 2 คือ การนำบลจ.เอ็มเอฟซี จัดตั้งในต่างประเทศ เพื่อให้ บลจ.เอ็มเอฟซี สามารถเติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีแนวคิดที่จะจัดตั้งสำนักงาน บลจ.เอ็มเอฟซี ที่ประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่าจะเป็นสำนักงานแรกที่ทำให้ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนต่างประเทศในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ในการจัดตั้งสำนักงานฯ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยมีช่องทางเลือกด้านการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยการสร้างทางเลือกของกองทุนประเภทต่างๆเช่น Asean Fund หรือ North Asia Fund นอกจากนี้จะพยายามดึงดูดสินทรัพย์ต่างๆจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย

“งานแรกที่เราจะดำเนินการ คือ การจัดตั้งกองทุน Thailand Fund เพื่อจำหน่ายภายในประเทศสิงคโปร์ โดยเป็นการบริหารจัดการจากทีมงานเราที่อยู่ในไทย ซึ่งจะต้องรอการขออนุญาตจัดตั้งสำนักงานฯที่สิงคโปร์ก่อน จึงสามารถดำเนินการในส่วนของกองทุนนี้ต่อได้ ส่วนลักษณะการออกกองทุนนี้จะเป็นรูปแบบไหน ก็คงต้องดูจากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนก่อนว่าเป็นอย่างไร คาดว่าจะเห็นภายในครึ่งปีหลังของปีนี้”

อย่างไรก็ตามในปี 2562 ของไทยเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงหลายๆด้าน เช่น สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเติบโตของเศรษฐกิจแถบยุโรปที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลต่อไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมูลค่าการส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันไทยก็ยังมีโอกาสอีกมาก เช่น การย้ายกำลังการผลิตจากจีนมาประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งส่งเสริมการลงทุนไทยให้เติบโตได้ รวมถึงการประกาศการเลือกตั้งของไทย เชื่อว่าจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยสามารถเติบโตได้ คาดว่าจะเห็นดัชนี SET เพิ่มขึ้น 20% ภายในปีนี้