คลังชวนสละเบี้ยผู้สูงวัย เริ่ม ก.พ-มี.ค.นี้ ได้เกียรติบัตร นายกฯเซ็นเอง

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการเกื้อกูลผู้สูงวัย สังคมไทยน่าอยู่ ได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและสภาสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสาขาธนาคารต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการโครงการสละเบี้ยยังชีพผู้สูงวัยตามความสมัครใจ โดยผู้ที่บริจาคโครงการนี้ในช่วง 1 ก.พ – 31 มี.ค.2562 จะได้รับเหรียญพระคลังมหาสมบัติและได้รับใบประกาศเกียรติบัตรจากนายกรัฐมนตรี รวมถึงได้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 เท่า

ในปัจจุบันมีผู้สูงวัยอายุ 60 ปี ขึ้นไป จำนวน 11 ล้านคน โดยเป็นผู้สูงวัยที่ลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงวัย จำนวน 9 ล้านคน และผู้สูงวัยที่ไม่ได้ลงทะเบียนนี้ จำนวน 2 ล้านคน นอกจากนี้พบว่ามีผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี จำนวน 4.6 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้สูงวัยที่ยากจนจริง ราว 3 ล้านคน และผู้สูงวัยที่ที่มีหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ประมาณ 1 ล้านคน

“เราตั้งเป้าผู้ที่บริจาคในโครงการนี้ ราว 1-2 ล้านคน หากได้ตามเป้าจะทำให้เราสามารถช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ยากจนจริงๆ ได้ 1.5- 2 ล้านคน นอกจากนี้เราได้มีการขอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทำเหรียญพระคลัง จำนวน 50,000 เหรียญ ซึ่งมีจำนวนจำกัด หากมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เงินที่ถูกสละสิทธิ์จะถูกส่งเข้ากรมบัญชีกลาง จากนั้นจะนำเงินเข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อมอบเงินแก่ผู้สูงวัยที่มีรายได้น้อยและไม่เพียงพอ จากเดิมที่เคยได้ 600 บาทต่อคนต่อเดือน เป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน”

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ทางสมาคมธนาคารไทยได้มีส่วนร่วมโครงการนี้ เพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือเกื้อกูลผู้สูงวัยที่ยากจน เนื่องจากสังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น ซึ่งบางครั้งรายได้ของผู้สูงวัยไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ทำให้เกิดโครงการนี้ร่วมกัน โดยจะช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์ จำนวน 6,000 -7,000 สาขา ทั่วประเทศและผ่านตู้เอทีเอ็ม จำนวน 70,000 ตู้

“เรายังทำโครงการบัญชีเงินฝากพื้นฐานเพื่อผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อเป็นเงินออมให้ผู้สูงวัยมีโอกาสดำรงชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสภาสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า ในส่วนของแบงก์รัฐจะช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารของรัฐ จำนวน 46.5 ล้านราย รวมถึงผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งเราพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการนี้