“CMC” น้องใหม่อสังหาฯ ตั้งเป้าปี’62 โต 50%

บมจ.เจ้าพระยามหานคร (CMC) น้องใหม่อสังหาไซส์เล็ก รุกตลาดแคมปัส คอนโด เอแบค – ราชภัฏจันทรเกษม – เกษตรฯ และรามคำแหง รวมทั้งยังจ่อเปิด 5 โครงการใหม่ภายในครึ่งปีแรกของปี’62 มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท

นายวิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ้าพระยามหานคร (CMC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า CMC เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก มีโอกาสเติบโตต่อได้อีกค่อนข้างสูง รวมทั้งมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยปี 2562 บริษัทฯ ได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อรองรับกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน และเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้ 3 แบรนด์ใหม่ภายในครึ่งปีแรก มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ได้แก่ CUVEE, CLEV และ CYBIQ ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดใหม่เพื่อตอบโจทย์ และสะท้อนไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้ชัดเจนขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่คุ้มค่าในทำเลที่โดดเด่น รวมถึงมีแผนเปิดกลยุทธ์ใหม่ “แคมปัส คอนโด” (Campus Condo) ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) สถาบันราชภัฏจันทรเกษม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจาะกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่าให้กับนักศึกษา และกลุ่มครอบครัวนักศึกษา ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจในแผนธุรกิจดังกล่าวที่จะหนุนห้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย และสร้างผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่คุ้มค่าให้แก่นักลงทุนได้

ส่วนแผนดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมมากกว่า 4,000 ล้านบาท ได้แก่

(1) CLEV วงศ์สว่าง: โครงการ high rise 615 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 30 ตารางเมตรโดยประมาณ ราคาขายต่อตารางเมตร 8 – 9 หมื่นบาท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท

(2) CUVEE ติวานนท์: โครงการ high rise 422 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 40 ตารางเมตรโดยประมาณ ราคาขายต่อตารางเมตร 1.2 แสนบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับสมาร์ทเทคโนโลยี และดิจิตอลไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านความสะดวกสบายและทันสมัย ตั้งแต่การมี video door phone, digital door lock, keyless lifestyle เป็นต้น และยังเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมและการตกแต่งภายในยอดเยี่ยมระดับประเทศ และรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมในระดับเอเชีย

(3) CYBIQ รามคำแหงแคมปัส: โครงการ low rise 126 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 30 ตารางเมตรโดยประมาณ ราคาขายต่อตารางเมตร 7 – 8 หมื่นบาท มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท จุดเด่น คือ ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) และมหาวิทยาลัยรามคำแหง

(4) CYBIQ รัชดา-จันทรเกษมแคมปัส: โครงการ low rise 329 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 30 ตารางเมตรโดยประมาณ ราคาขายต่อตารางเมตร 7 – 8 หมื่นบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้กับสถาบันราชภัฏจันทรเกษม

ทั้งนี้ Campus Condo ทั้ง 2 โครงการมีคอนเซ็ปต์ เพื่อจับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เป็นนักศึกษา และกลุ่มนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่าให้แก่นักศึกษา

(5) โครงการทาวน์โฮม Kasa Deva: มูลค่าโครงการรวม 80 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ที่มีความต้องการทาวน์โฮม หรือโฮมออฟฟิซ

บมจ.เจ้าพระยามหานคร ตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้เติบโตที่ 50% โดยมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ 2,200 ล้านบาท โครงการใหม่ที่พร้อมจะโอนได้ภายในปีนี้อีก 500 ล้านบาท และรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างและอื่นๆ ภายใต้บริษัทย่อย 300 ล้านบาท ส่วนภาระหนี้สินลดลงจากการชำระคืนเงินกู้บางส่วนจากเงินที่ระดมทุนได้ ทำให้ในปีนี้บริษัทจะสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ลดลงเหลือเพียง 0.9 เท่า

ด้านการเติบโต ในปี 2562 บริษัทฯ ประเมินว่าจะสามารถเติบโตในระดับเลขสองหลัก (double digit) หลังปีที่ผ่านมาเติบโตราว 6-7% ตามลำดับ ซึ่งบริษัทฯ เตรียมออกแคมเปญการตลาดเพื่อจูงใจและกระตุ้นการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี และเร่งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านกลุ่มเอเย่นต์มากขึ้น ทั้งเอเย่นต์องค์กร และเอเย่นต์อิสระ รวมถึงในครึ่งปีแรกของปี 2562 เตรียมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายและรายได้ในปีนี้สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้

“บริษัทยังมีอีก 4 โครงการในไปป์ไลน์ (pipeline) ที่พร้อมจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปีนี้ นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนรุกธุรกิจให้บริการงานรับเหมาก่อสร้างภายใต้การบริหารงานของบริษัทลูก โดยจะเน้นเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐ และตั้งเป้าภายในปีนี้จะรับงานได้ไม่น้อย 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือ (backlog) แล้ว 200 ล้านบาท ด้านความกังวลต่อมาตรการคุมอสังหาริมทรัพย์ไม่กระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากกว่า 90% ของลูกค้าเป็นผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) มีลูกค้าชาวจีนน้อยกว่า 1% ซื้อเพื่อลงทุนน้อยกว่า 10% กว่า 70% เป็นการซื้อบ้านหลังแรก และอีก 10% ที่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 แต่เป็นในลักษณะซื้อให้คนในครอบครั้ว ดังนั้น จึงเป็น Real Demand เช่นเดียวกัน” นายแพทย์วิเชียร กล่าวสรุป

ทั้งนี้ CMC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี มีการดำเนินการที่ครบวงจรครอบคลุมถึงงานก่อสร้าง การผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ อาทิ แผ่นอาคารสำเร็จรูปภายนอก เฟรมกระจก ประตูอลูมิเนียม และผนัง EPS ที่ใช้ภายในอาคาร เป็นต้น การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน การให้เช่าเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้าง รวมถึง การจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้และสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ

อนึ่ง บริษัทฯ มีผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2561 ที่น่าพอใจอย่างมาก มีรายได้รวม 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และมีกำไรขั้นต้น 633 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 42% และมีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ คือเพิ่มกว่าเท่าตัวเป็น 12.0% จาก 5.8%