ค่าเงินบาทแข็งค่า จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 6ก.พ.

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (5/2) ที่ระดับ 31.31/31.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (4/2) ที่ระดับ 31.32/31.34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ภายหลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยบริษัทคอฟโก คอร์ป และชิโนแกรน ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีนได้เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐรายละกว่า 1 ล้านตัน ทั้งนี้ การสั่งซื้อถั่วเหลืองดังกล่าวมีขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองชั้นนำ ได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐ ปริมาณทั้งสิ้น 5 ล้านตัน หลังจากการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐเป็นไปอย่างจำกัด จากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดคำสั่งซื้อโรงงานในเดือนพฤศจิกายน 2561 ลดลง 0.6% ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากดิ่งลงไปสู่ระดับ 2.1% ในเดือนตุลาคม 2561 โดยการลดลงของคำสั่งซื้อภาคโรงงาน ได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นหลัก

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีการประชุมนโยบายการเงินในวันรุ่งขึ้น (6/2) ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% หลังจากที่มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตามุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตข้างหน้าว่า กนง.จะประเมินทิศทางและจังหวะเวลาสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ ระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบที่ 31.27-31.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประเทศในภูมิภาคเอเซียบางส่วนหยุดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.29/31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (5/2) ที่ระดับ 1.1438/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนคาจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (4/2) ที่ระดับ 1.1445/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ภายหลังการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในยูโรโซน ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าโรงงาน ร่วงลง 0.8% ในเดือนธันวาคม 2561 เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่อ่อนตัวลง เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 3.0% โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และดีดตัวขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายปี จากตัวเลขที่ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ สะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนที่ยังคงดำเนินต่อไป สำหรับระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1412-1.1454 ดอลลา์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1420/21 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (5/2) ที่ระดับ 110.025/03 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (4/2) ที่ 109.88/90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน รวมถึงความหวังว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น กดดันให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยนและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น สำหรับระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 109.78-110.16 เยน/ดอลลาร์สหรั และปิดตลาดที่ระดับ 109.98/99 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ม.ค.จากมาร์กิต (5/2) ดัชนีภาคบริการเดือน ม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) (5/2) ดุลการค้าเดือน พ.ย. (6/2) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (7/2)


สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.20/-2.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.90/-0.40 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ