ทองคำได้แรงหนุนจาก ชัตดาวน์-เพดานหนี้สหรัฐ

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส

ราคาทองคำ spot ในช่วงต้นปี 2562 ปรับขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนของสหรัฐ (shutdown) ที่ยังคงยืดเยื้อจนถึงขณะนี้ และเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่สร้างความไม่แน่นอนของการเมืองอังกฤษ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแรงเทขายออกมาบ้าง จากปัจจัยลบจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ตึงเครียดลดลง

การปิดหน่วยงานราชการบางส่วนของสหรัฐ (shutdown) ครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค. 2561 ตามเวลาสหรัฐ และยังคงยืดเยื้อยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสภาคองเกรสของสหรัฐในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก วงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงยืนยันที่ต้องให้มีการบรรจุงบประมาณดังกล่าว และไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อต่อข้อเรียกร้องใด ๆ พร้อมเน้นย้ำหลายครั้งว่าพร้อมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินหากการเจรจากับสภาคองเกรสไม่สำเร็จ

การปิดหน่วยงานราชการบางส่วนของสหรัฐนั้นได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐบ้างแล้ว หลังจากพนักงานของหน่วยงานรัฐราว 800,000 คนไม่ได้รับเช็คจ้างการทำงานของพวกเขา และเริ่มมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านขนส่งที่เมืองแอตแลนตา ท่าอากาศยานนานาชาติไมอามี ในรัฐฟลอริดา

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจล่าสุดที่ CBS News พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 35% ที่เห็นด้วยกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปล่อยให้ภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อต่อไป และมีเพียง 33% ที่เห็นด้วยกับการคัดค้านของพรรคเดโมแครต ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจอีกเป็นจำนวนมากยังไม่แน่ใจว่าควรสนับสนุนฝ่ายใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากภาวะชัตดาวน์ยังคงยืดเยื้อต่อไปจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนายเควิน ฮาสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะขยายตัว 0% ในช่วง 3 เดือนแรกถ้าภาวะชัตดาวน์ยังยืดเยื้อไปตลอดไตรมาส

แต่ที่น่าจับตามองนั่นคือ หากว่าภาวะชัตดาวน์สหรัฐยังคงยืดเยื้อต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม อาจส่งผลกระทบต่อเพดานหนี้ของประเทศ หลังจากปีที่ผ่านมาสภาคองเกรสสหรัฐได้ขยายเพดานหนี้จนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ที่ราว 22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และที่สำคัญคือสหรัฐจำเป็นต้องหาเงินมาชำระหนี้พันธบัตรที่จะครบอายุในเดือนมีนาคม ถ้าหากสหรัฐไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบตามกำหนด ส่งผลให้สหรัฐอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากระดับ Aaa ในปีนี้

ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนอาจเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐ

สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในระยะสั้นอาจปรับตัวลงบ้าง เนื่องจากเข้าใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน และตลาดการเงินของจีนจะปิดทำการยาวเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน (golden week) ทำให้ขาดแรงซื้อทองคำจากจีนที่เป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน อย่างไรก็ตาม แนวรับดังกล่าวยังคงเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาจากความไม่แน่นอนหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นภาวะชัตดาวน์สหรัฐ เพดานหนี้สหรัฐ สงครามการค้าสหรัฐและจีน ประเด็น Brexit การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก

ประเด็นเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเสี่ยงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ราคาทองคำมีแนวต้านสำคัญที่ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ถ้าผ่านขึ้นมาได้จะมีแนวต้านถัดไป 1,320 ดอลลาร์/ออนซ์