หุ้นไทยเจอแรงขายทำกำไร โบรกฯ ประเมินดัชนีพรุ่งนี้ “พักตัว”

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 7 ก.พ.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,653.11 จุด ลดลง 5.60 จุด หรือลดลง 0.34% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 50,123.15 ล้านบาท โดยภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีในวันนี้สามารถยืนอยู่ในแดนบวกได้ในช่วงเช้า แต่มีแรงเทขายออกมาในช่วงบ่าย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมภายนอกประเทศ ได้แก่ ราคาน้ำดิบที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกออกมา โดยมีแผนจะเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ดังนั้น ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาด จึงประเมินว่าตลาดเกิดการขายทำไร (take profit) ออกมา หลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นราว 100 จุด ในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน จาก 1,570 จุด ในช่วงกลางเดือนมกราคม (ปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ 1,663 – 1,665 จุด) ประกอบกับแนวต้านเชิงเทคนิค หรือแนวต้าน 200 วัน อยู่บริเวณ 1,663 – 1,665 จุด เมื่อดัชนีไม่สามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านดังกล่าวได้จึงเกิดการย่อตัวลงมา

ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาดในวันนี้ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ที่เผชิญแรงขายทำกำไรมากที่สุด หลังราคาปรับเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างสูง รวมทั้งหุ้นใหญ่อย่าง AOT และ SCC เห็นการย่อตัวลงมาเล็กน้อย ด้านปัจจัยภายนอกประเทศที่ต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม และปัจจัยภายในประเทศที่ต้องติดตาม คือ ปัจจัยการเมืองที่ค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากจะเห็นการส่งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคขนาดใหญ่ โดยวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่เปิดรับสมัครตัวแทนจากพรรคการเมือง

ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.62) เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ คาดว่าจะเห็นการพักตัวของดัชนี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีประเด็นเชิงลบใหม่เข้ามากดดันตลาดจึงคาดว่าจะเห็นการพักตัวที่ไม่รุนแรงนัก โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีแกว่งไซด์เวย์ (Sideway) ที่แนวรับ 1,645 – 1,665 จุด

ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนรอราคาหุ้น “อ่อนตัวแล้วเข้าสะสม” โดยเน้นหุ้นกลุ่มที่ราคายังปรับตัวขึ้นค่อนข้างช้ากว่าตลาด (Laggard) ได้แก่ กลุ่มไอซีที (ICT) ที่มีอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ค่อนข้างสูง แนะนำ ADVANC และ DTAC กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่อัตราผลตอบแทนยังค่อนข้างสูงเช่นกัน แนะนำ QH และ LH สุดท้ายกลุ่มธนาคาร แนะนำ BBL และ KBANK