การเมืองในประเทศกดดันหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน จับตา กกต.หารือข้อร้องเรียน ทษช.

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุนอิสระ เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ (11 ก.พ.62) ว่า ตลาดยังค่อนข้างสับสนและผันผวนอยู่จากสถานการณ์การเมืองไทยเมื่อวันศุกร์ค่อนข้างพลิกผันอีกครั้งหนึ่ง โดยสรุปของพระราชโองการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.การนำสมาชิกพระราชวงศ์มาเกี่ยวข้องการเมืองเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง 2.พระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางด้านการเมืองได้ เพราะจะขัดเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ กกต.ในวันนี้ ที่คาดว่าคงมีการประกาศและรับรองผู้สมัคร ส.ส.ก่อนวันที่ 15 ก.พ.62 แต่จะติดเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีโอกาสไปนั่งอ่านรัฐธรรมนูญทุกฉบับ รวมถึง พ.ร.ก. ก็ไม่ได้ระบุว่า กกต. มีหน้าที่ที่จะต้องรับรอง แต่มีหน้าที่แค่ประกาศคนที่จะสมัครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคการเมืองเท่านั้น เพราะกลไกการรับรองหรือการลงมติ คนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯจะอยู่ที่รัฐสภาตอนโหวต ซึ่งมีเงื่อนไขอยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ

ทำให้ภาพตลาดยังผันผวนเพราะยังไม่มีใครตีความได้ ต้องรอ กกต. ซึ่งคาดว่าถัดจากนี้ การเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติก่อนคือ เดินหน้าเลือกตั้ง มีการหาเสียง เพียงแต่ความเชื่อมั่นของตลาดก็จะมีมากขึ้น เหตุผลเพราะว่าถ้ามีประเด็นเรื่องการเสนอให้มีการยุบพรรค จะเป็นการง่ายที่ตลาดจะรู้ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นประเด็นการเมืองในประเทศจะไม่กดดันแล้ว จะทำให้ตลาดผ่อนคลายพอสมควร

ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาแข็งค่าบ้าง เพราะเมื่อวันศุกร์ดีดตัวอ่อนค่าค่อนข้างแรง ยิ่งนานวันยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ายังเป็นในทิศทางเดิมอยู่ อาจจะมีความผันผวนในช่วงนี้บ้าง แต่สุดท้ายแล้วน่าจะตั้งหลักได้

เพราะฉะนั้นการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นคาดว่าไม่ค่อยลง เพราะเมื่อปรับลดลงมาจะมีนักลงทุนกลับเข้าไปซื้อ เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีอะไรน่ากลัว ตลาดอาจจะมีความกังวลเรื่องของการเลื่อนหรือการจะยกเลิกการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ยังไม่ได้หวั่นวิตกอะไรมากนัก โดยตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อย ซึ่งตลาดก็ยังเชื่อว่าน่าจะยังมีการนัดพบกันได้ แม้จะดีเลย์วันดีเดย์ที่ 1 มี.ค.62 แต่เชื่อว่าก็คงดีเลย์ไม่นาน ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรกดดันมากนัก

สิ่งที่ต้องติดตามคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับตลาดมากกว่า โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,635-1,665 จุด