“THG” ขยายการลงทุนธุรกิจ รพ. ตั้งเป้าหมายปี’62 เติบโตกว่า 20%

บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG เปิดแผนธุรกิจปี’62 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตเกินกว่า 20% ขยายการลงทุนรพ.ในและนอกประเทศต่อเนื่อง ด้านโครงการใหม่ รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง และโรงพยาบาล Ar Yu International Hospital เมียนมาร์ พร้อมเก็บเกี่ยวรายได้

นายธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘ปกป้องดูแลความสุขและสุขภาพคนไทยทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian For All) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2562 เติบโตเกินกว่า 20% โดยวางแผนงานขยายการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการให้บริการแก่ผู้ป่วย และขยายธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีบริการทางการแพทย์และการดูแลรักษาด้านสุขภาพ เพื่อรองรับประชากรวัยสูงอายุในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ โครงการลงทุนประกอบด้วย

1. การลงทุนก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ภายใน รพ.ธนบุรี และรพ.ธนบุรี 2 เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการแก่ผู้ป่วยและเสริมทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจรักษา มูลค่าการลงทุน 1.3 พันล้านบาท

2. เร่งดำเนินการก่อสร้าง รพ.ธนบุรี ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยบริษัทถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม 56% คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปีนี้

3. ลงทุนเพื่อเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติม สำหรับ รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง

4. มองโอกาสขยายการลงทุนโรงพยาบาลในต่างประเทศเพิ่มเติม

5. ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงอาคารสำหรับโครงการธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ถ.ประชาอุทิศ ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่พัฒนาขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่เป็นกลุ่มคนรักสุขภาพหรือผู้สูงอายุที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าว

พร้อมกันนี้ในปี 2562 จะเป็นปีที่บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการที่ทยอยแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปีนี้ ได้แก่

1. โรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ขนาด 200 เตียง ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ที่ THG ถือหุ้น 40% โดยเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีนี้ ส่วนโรงพยาบาล Welly Hospital ขนาด 150 เตียง ในประเทศจีน ที่เปิดบริการเมื่อปลายปี 2560 โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 58% นั้น ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2. โครงการ Jin Wellbeing County รังสิต ที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยให้แก่ลูกค้าเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

3. รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับ 6 ดาว ที่มีบริการระดับพรีเมียม ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยรวมถึงมีโปรแกรมการรักษาแบบเฉพาะราย เพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้บริการทั้งคนไทย ต่างชาติ และ Medical Tourism

ทั้งนี้ บริษัทฯ เปิดให้บริการ รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1. ศูนย์ให้บริการตรวจสุขภาพแบบครบวงจร (Premium Checkup Center) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อความแม่นยำและแผนการตรวจสุขภาพแบบเฉพาะราย

2. ศูนย์ทันตกรรม (Dental Center) ที่มีบริการครบวงจร อาทิ รากฟันเทียม การครอบฟัน แล้วเสร็จภายใน 1 วัน

3. ศูนย์รักษาแผลโรคเบาหวาน (Diabetic Wound Care Center) และเตรียมเปิดศูนย์ดูแลและแก้ไขปัญหาผู้มีบุตรยาก (IVF Center)

รวมถึงจะเปิดศูนย์การรักษาเฉพาะทางอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ศูนย์โรคกระดูกและข้อ, ศูนย์ตา หู คอ จมูก, ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น

“ปีนี้คาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีขึ้น จากโครงการที่แล้วเสร็จถึง 3 โครงการ โดยเฉพาะโครงการ Jin Wellbeing County รังสิต ซึ่งเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุโครงการแรกของบริษัทฯ ที่กำลังทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยให้แก่ลูกค้า อีกทั้งผลการดำเนินงานของโรงพยาบาล Welly Hospital ก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้และผลกำไรจากการดำเนินงาน” นายธนาธิป กล่าว

นายธีรธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ โฮม เฮลท์แคร์ จำกัด ในเครือ THG ผู้พัฒนาโครงการ Jin Wellbeing County รังสิต กล่าวว่า โครงการ Jin Wellbeing County ที่พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ ถือเป็นโครงการระดับแฟลกชิพของบริษัทฯ ในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยเป็นโครงการ Wellness Mixed-Use แห่งแรกในเอเชียที่ชูแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ สำหรับผู้สูงอายุหรือคนโสดที่วางแผนเข้าสู่วัยเกษียณ ที่มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัย อาทิ สายรัดข้อมืออัจริยะเพื่อใช้บอกตำแหน่งและแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุม, จิณณ์ แอปพลิเคชั่น เพื่อใช้นัดหมายแพทย์หรือจองกิจกรรมต่างๆ ฯลฯ

ทั้งนี้ โครงการ Jin Wellbeing County ในส่วนห้องชุดพักอาศัย Active Living เฟสแรก ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นอาคาร 7 ชั้น ในคลัสเตอร์ที่ 1 – 2 มี 5 อาคาร รวม 494 ยูนิต เป็นห้องชุดแบบ 1 – 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 43-46 ตร.ม. และ 63-66 ตร.ม. ราคายูนิตละ 4 – 6 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (พรีเซล) แล้ว 155 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 775 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์แล้วประมาณ 32 ยูนิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดรับรู้รายได้ไตรมาส 4/61 ถึงไตรมาส 1/62

“หลังจากคลัสเตอร์แรกก่อสร้างแล้วเสร็จ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อลูกค้าที่ต้องการเห็นบรรยากาศโครงการจริงเข้ามาเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันเราอยู่ระหว่างก่อสร้าง รพ.ธนบุรีบูรณา และศูนย์ Wellness Center เพื่อเสริมความครบวงจรด้านการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและคนโสด คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการได้ปีนี้” นายธีรธรกล่าว