ลุ้นเมษายนงัดมาตรการปั๊ม ศก. คลังพอใจดึง 2 หมื่นร้านค้าเชื่อมระบบ VAT

คลังพอใจ “แต๊ะเอียช่วยชาติ” ช่วยให้รัฐมีเครื่องมือไว้ทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยร้านค้าเข้าร่วม 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ต่อท่อเชื่อมระบบกับแบงก์-สรรพากร แย้มอนาคตอาจเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจ “อีวอลเลต” เข้าร่วมด้วย เผยขุนคลังไม่วางใจสั่ง สศค.เตรียมพร้อมมาตรการรับมือเศรษฐกิจชะลอ

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (แต๊ะเอียช่วยชาติ) ยอดสรุปมีผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อจะได้รับเงินคืน 5% จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต ประมาณ 4 หมื่นราย ขณะที่ร้านค้าเข้าร่วมโครงการเกือบ 2 หมื่นร้านค้า ซึ่งแม้ประชาชนจะลงทะเบียนไม่มาก แต่การดำเนินการมาตรการนี้ถือว่าภาครัฐได้ระบบที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างร้านค้า กับธนาคารพาณิชย์ และภาครัฐเอาไว้ใช้ในครั้งต่อไป

“ต่อไปเวลาจะทำมาตรการลักษณะนี้ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ หรือหากจำเป็นต้องมีมาตรการ สศค.ก็จะเสนอให้ใช้ระบบที่เราได้มานี้ เพราะการสร้างระบบก็มีต้นทุน คงไม่ใช้งานเพียงครั้งเดียว ส่วนการที่ประชาชนลงทะเบียนไม่มาก ก็ไม่ได้ห่วง เพราะเราไม่ได้ทำมาตรการนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว เห็นได้จากเราส่งเสริมการใช้บัตรเดบิต ไม่ใช่บัตรเครดิต” นายลวรณกล่าว

โดยในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีวอลเลต) สามารถเข้ามาร่วมในระบบนี้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการอีวอลเลตที่สนใจเข้าร่วม แต่ทำระบบไม่ทัน

รายงานจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมีทั่วประเทศ ทั้งบิ๊กซี, โลตัส, บู๊ทส์, เจมาร์ท, ไทวัสดุ, เซเว่นอีเลฟเว่น, เซ็นทรัล, แฟมิลี่มาร์ท, โฮมโปร, ร้านในเครือคอมเซเว่น, ท็อปส์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, เดอะมอลล์, โตชิบา ไทยแลนด์, โฮมเฟรชมาร์ท, สยามพารากอน, บีทูเอส, เพาเวอร์บาย, โรบินสัน, แม็คโคร, ออฟฟิศเมท รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในต่างจังหวัด รวมแล้วจำนวน 19,551 แห่ง (สาขา)

ก่อนหน้านี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ระบุว่าการทำมาตรการดังกล่าว รัฐบาลต้องการสร้างระบบการส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทางอิเล็กทรอนิกส์ไปในตัว เพราะ POS (point of sale) ของร้านค้าจะส่งข้อมูลไปที่กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ นายลวรณกล่าวอีกว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ให้นโยบาย สศค. ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ให้เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ เอาไว้รับมือในกรณีหากพบว่าภาวะเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัว อาจจะไม่ขยายตัวได้ตามศักยภาพ ส่วนจะมีมาตรการออกมาช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นกับนโยบาย

“สศค.ต้องคิดมาตรการเตรียมไว้ ไม่ว่าจะนำมาใช้หรือไม่ใช้ ซึ่งตรงนั้นแล้วแต่นโยบาย คือ ถ้ามีสัญญาณเศรษฐกิจชะลอก็ต้องมีมาตรการเชิงรุกในทันที ซึ่งผมก็ได้ให้ทางสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค. ไปดูเรื่องนี้เตรียมไว้” นายลวรณกล่าว

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวด้วยว่า รมว.คลังเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่อาจจะแข็งค่ากว่าสกุลเงินของประเทศคู่แข่ง อย่างไรก็ดี การดูแลค่าเงินบาทเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็คงทำได้เพียงเสนอแนะ ส่วนการตัดสินใจก็ขึ้นกับทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รมว.คลังกำชับให้ สศค.มอนิเตอร์เศรษฐกิจให้ดี หากเห็นสัญญาณชะลอตัวให้มีมาตรการลงไปทันที ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม หากจำเป็นต้องทำมาตรการกระตุ้นก็ต้องทำ