นักวิเคราะห์ ส่องหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โชว์ผลดำเนินงานปี”61 เติบโตดี-ปันผลงาม ขณะที่ราคาหุ้นลงมาต่ำสะดุดข่าวคุมค่ายา ชี้หุ้นยังมีอัพไซด์ขึ้นเลือกรายตัว เกาะติดเคาะคุมค่า เม.ย. บิ๊ก รพ. “ธนบุรี” พร้อมทำตามกฎคุมค่ายา
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากการประชุมของคณะกรรมการสถานพยาบาล มีมติเบื้องต้นว่า 1.ยาในสถานพยาบาลเป็นส่วนหนึ่งของบริการทางการแพทย์ และ 2.การนำใบสั่งยาไปซื้อยานอกสถานพยาบาลเป็นสิทธิ์ที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ แต่มติดังกล่าวยังมิได้เป็นข้อยุติหรือข้อบังคับ จนกว่าคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะพิจารณาเห็นชอบให้เป็นมาตรการควบคุมราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้นักลงทุนโฟกัสประเด็นระยะสั้น คือ ผลประกอบการไตรมาส 4/61 แม้จะออกมาทรงตัว แต่ทั้งปี”61 ยังเติบโต และยังคงจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ยังไม่มีประเด็นใหม่เกี่ยวกับการควบคุมราคายาเนื่องจากต้องรอตรวจต้นทุน 60 วัน ซึ่งต่อเนื่องไปยังต้นเดือนเมษายน
“ข่าวการควบคุมราคายาออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ดังนั้น ราคาหุ้นของกลุ่มโรงพยาบาลได้ตอบสนองต่อข่าวไปแล้ว ทำให้หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล ก็มีทั้งหุ้นที่ upside สูงและต่ำ” นายประสิทธิ์กล่าว
สำหรับการลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาล ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เป็น top pick ของกลุ่มนี้ เนื่องจาก 1 ใน 3 ของรายได้ มาจากประกันสังคม ทำให้ BCH มีรายรับที่แน่นอนจากจำนวนผู้ประกันตน จึงคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการคุมค่าราคายา และจากการมีโรงพยาบาลในเครือข่ายค่อนข้างมาก 3-4 แห่ง อาทิ รพ.เกษมราษฎร์, รพ.การุญเวช ฯลฯ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนราคายาได้ดี ขณะที่ รพ.เวิลด์เมดิคอล ฮอสปิทอล ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบน สามารถพลิกมาทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในปี”61 ทำให้ภาพรวมปี”61 กำไรสุทธิโต 19% และปี”62 เติบโต 11.8%
ส่วนหุ้นใหญ่ หรือ big cap ที่แนะนำ “ซื้อ” ได้แก่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) คาดการณ์กำไรสุทธิปี”61 ลดลงราว 3% เนื่องจากฐานสูงของปี”60 ที่มีการบันทึกรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) แต่หากดูเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปี”61 มีการเติบโต 23% จากปี”60 ขณะที่ประเด็นการควบคุมค่ายา จะส่งผลกระทบกับ BDMS ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยมที่ผู้เข้ารักษาไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องราคายามากเท่ากับคุณภาพในการรักษา
“ในระยะสั้นผลประกอบการไตรมาส 4/61 อาจเติบโตไม่โดดเด่น รวมทั้งก่อนหน้านี้มีประเด็นภาพลักษณ์ของบริษัท เนื่องจากผู้บริหารถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ แต่ประเด็นดังกล่าวได้ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว” นายประสิทธิ์กล่าว
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้ว แต่นักลงทุนยังคงติดตามการประกาศเกี่ยวกับประเด็นควบคุมราคายากันต่อ หากเมื่อไหร่ที่มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้จะสามารถปรับตัว “ขึ้น” ได้อีกครั้ง
“เรามองว่าไม่ง่ายที่จะควบคุมราคายา เนื่องจากต้นทุนส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลฝังไว้ในราคายา ยกเว้นค่าแพทย์ ดังนั้น การพิจารณาใช้แนวทางต่าง ๆ เช่น การตั้งราคากลาง อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลโดยตรง” นายมงคลกล่าว
นายธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า หากภาครัฐออกกฎมาก็พร้อมที่จะทำตาม ส่วนการควบคุมราคายา คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าโรงพยาบาลระดับบนในตลาดที่อาจมีการตั้งราคายาเอาไว้เกินจริง
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!