หุ้นไทยปิดบวกกว่า 11 จุด จับตาสัปดาห์หน้า โค้งสุดท้ายประกาศงบ บจ.

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 ก.พ.62 ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,659.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.88 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.72% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 50,800.06 ล้านบาท โดยดัชนีในช่วงบ่ายปรับขึ้นค่อนข้างดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ เนื่องจากมีแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPALL HMPRO และ MAKRO ซึ่งเป็นหุ้น 3 ตัวที่ปรับบวกนำตลาดขึ้นมา รวมทั้งกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTT GULF และ TOP และกลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ PTTGC

โดยได้รับแรงหนุน หลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 4/61 ประกาศออกมา ซึ่งภาพรวมค่อนข้างต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จึงมีการประเมินว่าผลประกอบการไตรมาส 4/61 ได้ผ่านจุดต่ำสุด (Bottom Out) ไปแล้ว และคาดว่าผลประกอบการ บจ. ในไตรมาส 1/62 จะมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้เกิดการไล่ซื้อขึ้นในช่วงบ่าย และทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น

รวมทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย มีการฟื้นตัวกลับขึ้นมาในช่วงบ่ายเช่นกัน จึงส่งผลให้วันนี้ดัชนีปิดบวกราว 12 จุด และมีมูลค่าซื้อขายค่อนข้างหนาแน่น โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีสัปดาห์หน้า (25 ก.พ – 1 มี.ค.62) ไว้ที่บริเวณแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้านแรกที่ 1,662 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ หากผ่านแนวต้านแรกไปแล้ว มองแนวต้านถัดไปที่ 1,680 จุด

ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามภายนอกประเทศ ได้แก่ การลงมติ เรื่อง สหราชอาณาจักรขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 26-27 ก.พ.62 และการพบปะกันระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ในวันที่ 27-28 ก.พ.62 ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ในวันที่ 27 ก.พ.62 และการประกาศผลประกอบการของ บจ. ในไตรมาส 4/61 โค้งสุดท้าย ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 1 มี.ค.62

ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/61 ของ บจ. มีโอกาสต่ำกว่าที่ตลาดประเมินเอาไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท โดยประกาศออกมาแล้วราว 65% ที่ 1.23 แสนล้านบาท

ด้านกลยุทธ์การลงทุน ยังคงเน้นลงทุนธีมผสมระหว่าง กลุ่มที่ปันผลสูง และกลุ่มพลังงาน ได้แก่ LH, BBL, THANI, MAJOR, PTTEP และ PTT