ทิสโก้ เวลธ์ เปิดมุมมองแนะลงทุน “โกลบอล เฮลท์แคร์” ฝ่าเศรษฐกิจขาลง

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ทิสโก้ เวลธ์ จัดงานสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum ครั้งที่ 15 ในหัวข้อ “เจาะลึก Mega Trend เปลี่ยนโลก : เฮลธ์แคร์โอกาสสร้างกำไรต้านแรงผันผวน” ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี 2562 เศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลกขยายตัวในอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต ตัวเลขส่งออกที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนว่าวัฏจักรเศรษฐกิจโลกเคลื่อนเข้าสู่ช่วงปลายของการขยายตัวแล้ว ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมไปถึงการเจรจาเบร็กซิต และการเลือกตั้งในหลายประเทศ ดังนั้น การลงทุนในปีนี้จึงไม่ใช่งานง่ายและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก

“การเติบโตของเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยในไตรมาส 1/2562 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 1.9% จากผลกระทบของ Government Shutdown ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป จีน ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง

ในส่วนของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาคต่างประเทศ  โดยส่งออกยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากสงครามการค้า” นายคมศร กล่าวและว่า 

หากพิจารณาในด้านการลงทุน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ การส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ  (FED)  ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

ซึ่งต่อจากนี้ไปตลาดหุ้นโลกมี Upside ค่อนข้างจำกัด เพราะตลาดได้ซึมซับข่าวด้านบวกไปมากแล้ว ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมจึงควรเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลกำไรไม่ผันผวนไปตามเศรษฐกิจโลกมากนัก และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เช่น ในกลุ่ม Global Health Care ซึ่งได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มนี้มีกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจหดตัว

“ในยามที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักร และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเริ่มทยอยมากขึ้น การตั้งเป้าหมายการลงทุนอาจต้องเปลี่ยนไป จากเดิมที่มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนสูงสุดในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น เป็นการเน้นการบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินต้นในยามที่เศรษฐกิจโลกดูเปราะบางขึ้น โดยในกลุ่มโกลบอล เฮลท์แคร์น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน” นายคมศร กล่าว

ขณะที่ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในเมกะเทรนด์มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เห็นได้จากราคาหุ้นของ Amazon และ Apple ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในเมกะเทรนด์เทคโนโลยี ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2,000% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น หากนักลงทุนสามารถประเมินอนาคตได้ถูกต้อง มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานพอ พร้อมทั้งมีความเข้าใจต่อความผันผวนในระยะสั้น ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้

“ปัจจุบันหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มเทคโนโลยี ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุนที่สุดในช่วงนี้ เพราะด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้นประกอบกับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยิ่งผลักดันให้ความต้องการดูแลรักษาสุขภาพและการแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเข้าไปแทรกซึมอยู่ในอุตสาหกรรม รวมถึงชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกเพศทุกวัยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” นายสาห์รัชกล่าว