การเติบโตภาคอุตสาหกรรมจีนลดต่ำสุดในรอบ 17 ปี กดดันค่าเงินเอเชียอ่อนค่า

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/3) ที่ระดับ 31.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (13/3) ที่ระดับ  31.61/63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือน ก.พ. จาก 0.3% ในเดือนก่อนหน้า เมื่อเทียบรายเดือน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ม.คง จาก 1.3% ในเดือนก่อนหน้า แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.4%

ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันนี้ค่าเงินสกุลเอเชียปรับตัวอ่อนค่าลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ขยายตัวเพียง 5.3% จาก 5.7% ในเดือนก่อนหน้าเมื่อเทียบเป็นรายปี และเป็นตัวเลขการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 17 ปี โดยผู้ผลิตของจีนกำลังเผชิญกับยอดขายที่ลดลง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.59-31.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.71/73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/2) ที่ระดับ 1.1325/27 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/3) ที่ระดับ 1.1294/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้น ภายหลังจากที่รัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง สำหรับในขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิม

ขณะเดียวกันวานนี้มีการเปิดเผยตัวเลข ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนเดือน ม.ค. ขยายตัวสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี โดยผลผลิตกลับมาขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน จากหดตัวในเดือนก่อนที่ 0.9% และสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1312-1.1341 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1323/25 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/3) ที่ระดับ 111.33/35 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (13/3) ที่ 111.35/36 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยตลาดส่วนใหญ่จับตาดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 2 วัน (14-15/3) ทั้งนี้ตลาดคาดว่าที่ประชุมอาจจะมีมุมมองที่เป็นบวกน้อยลงต่อภาคการส่งออกและการผลิต ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวกล่าวว่า BOJ มีแนวโน้มที่จะคงระดับการประเมินโดยรวมว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังขยายตัวในระดับปานกลาง และไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่ผ่านมาจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจอยู่ในช่วงของการถดถอย โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 111.14-111.70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 111.90/92 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ได้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/3), ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ (14/3), ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมีนาคม จากเฟดนิวยอร์ก (15/3), การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ (15/3), และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมีนาคมจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (15/3)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.5/-2.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -1.1/-0.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ