ธนชาตประกันภัยเพิ่มทุน 4.93 พันล้าน รับควบรวม-ขยายธุรกิจโต 5-6% ต่อปี ตั้งเป้าเบี้ยรวมปี’62แตะ 8.5 พันล.โต6%

ธนชาตประกันภัยเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4.93 พันล้านบาท จากที่อยู่ที่ 740 ล้านบาท เสริมแกร่งรับโครงสร้างควบรวม-ขยายธุรกิจ คาดเติบโตเฉลี่ย 5-6% ต่อปี หนุนกำไรไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี เตรียมทุ่มงบพัฒนาเทคโนโลยี 150 ล้านบาทต่อปี หนุน Ai วิเคราะห์ลูกค้ารายเซกเม้นท์ดันเบี้ยรับรวมปี’62 แตะ 8.5 พันล้านบาท โต 6%

นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2561 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 740 ล้านบาท มาเป็น 4,930 ล้านบาท ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทขึ้นเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจประกันวินาศภัยในแง่ของทุนจดทะเบียน โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนในระดับสูงถึง 807% ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นการนำกำไรสะสมตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาแปลงเป็นเงินทุนจดทะเบียน โดยเฉลี่ยมีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นการส่งกำไรให้กับทุนธนชาต (TCAP) ประมาณ 50% และธนาคารธนชาต (TBANK) อีก 50% แต่ภายหลังจากการเพิ่มทุนบริษัทเหลือกำไรสะสมตามหลักเกณฑ์กำหนด

ขณะเดียวกันการเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะข้างหน้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 5-6% ต่อปี และสามารถนำเงินไปลงทุนในเรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Analytic เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละเซกเม้นท์ ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี รวมถึงรองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจของทุนธนชาต (TCAP) ภายหลังจากมีการควบรวมกิจการ โดยตั้งเป้ากำไรเฉลี่ย 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าสัดส่วนธุรกิจประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) จะเพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% และพอร์ตธุรกิจประกันภันรถยนต์ (Motor) จะลดลงเหลือ 80% จากเดิมที่อยู่ที่ 85%

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่่ 8,500 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตลาดที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% ทั้งนี้กลยุทธ์ในปี 2562 จะอยู่ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบรับความต้องการลูกค้า การยกระดับบริการด้วยนวัตกรรม การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทจะให้บริการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเช่น แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล อาชีพอิสระ ธนชาต ชูชีพ PA แบบประกันภัยบ้าน แบบประกันภัยรถยนต์ 2+ และ แบบประกันสุขภาพ รูปแบบใหม่ซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทคุ้มครองโรคร้ายแรง และประเภทคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่าย

อย่างไรก็ดีปี 2561 บริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ราว 7,987 ล้านบาท เติบโต 6.4% โดยมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันทั้งหมด (Combine Ratio) อยู่ที่ 86% และมีอัตราการต่ออายุกรมธรรม์อยู่ที่ 70% จากปัจจุบันมีฐานลูกค้า 1.56 ล้านกรมธรรม์

“การเพิ่มทุนจะเป็นเครื่องชี้วัดและยืนยันว่าบริษัทมีความมั่นคงสูงให้กับทุกคนได้มั่นใจ โดยเงินเพิ่มทุนที่นำมาใส่จะเป็นกำไรสะสมที่คอนเวิร์สมาใส่ โดยสามารถนำเงินไปลงทุนในระบบใหม่ๆ ไอที นวัตกรรมใหม่ๆ ดังนั้นมั่นใจว่าหากมีการควบรวมของแบงก์เกิดขึ้นบริษัทก็มีความพร้อมรองรับ เพราะลูกค้าที่จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านราย โดยเราตั้งเป้าหลังจากนี้จะต้องโตไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรม 5-6% ต่อปีและต้องมีกำไรทุกปีอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท” นายพีระพัฒน์กล่าว

อย่างไรก็ดีการลงทุนของทุนธนชาต (TCAP) ภายหลังรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตกับ TMB การถือหุ้นในบริษัทลูกดังนี้


1. ธนาคารใหม่(TBANK+TMB) มากกว่า 20%
2. ธนชาตประกันภัย 100%
3.บล.ธนชาต 100%
4.ราชธานีลิสซิ่ง 65.18%
5.บบส.เอ็นเอฟเอส 100%
6.บบส.แม๊กซ์ 83.44%
7.บบส.ทีเอส 100%
8.เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต 51%