“ทีเอ็มบี” คาดปีนี้ธุรกิจ SME ไปได้สวย เหตุเศรษฐกิจดี เผยเน้นปล่อยสินเชื่ออย่างระวัง-คุม LTV หนุน NPL ดีขึ้น

นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี ซึ่งจะหนุนให้ธุรกิจ SME ดีขึ้นไปด้วย โดยปีนี้ธนาคารต้องการจะเติบโตสินเชื่อ SME อย่างมีคุณภาพ จากการที่เน้นการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า SME ที่มีการเคลื่อนไหวบัญชีกับทางธนาคาร เพราะธนาคารจะมีฐานข้อมูลที่จะรู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ธนาคารได้มีโมเดลที่ใช้พิจารณาการปล่อยสินเชื่อ ทั้งดูความต้องการลูกค้า รายได้ลูกค้า และดูความเสี่ยงด้านเครดิต ทำให้ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ในวงเงินที่ต่ำลงได้ โดยในไตรมาสแรกปีนี้จะมีสัดส่วนลูกค้าราว 40% ที่ธนาคารปล่อย LTV ต่ำกว่า 100% ในขณะที่ถ้าเทียบกับไตรมาสแรกปีก่อน จะมีสัดส่วนลูกค้าราว 30% ที่ธนาคารปล่อย LTV ต่ำกว่า 100%

โดยปีนี้ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ 20,000 กว่าล้านบาท เติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีสินเชื่อปล่อยใหม่ราว 18,000 ล้านบาท ในขณะที่สินเชื่อคงค้างคาดว่าจะเติบโต 4-6% จากสิ้นปี 61 ที่อยู่ที่ 90,000 ล้านบาท

ในขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้คาดว่าจะอยู่ประมาณ 2.9% ซึ่งเป็นตัวเลขของภาพรวมของธนาคาร โดยมองว่าการที่ธนาคารหันมาคุมเรื่อง LTV และการปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพและระมัดระวัง จะทำให้ NPL ดีขึ้น

“ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า SME ไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท และไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ราว 6,000 ล้านบาท” นางสาวชมภูนุชกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่เป็นอุปสรรคในการเติบโตของเอสเอ็มอีมีอยู่ 3 ข้อ คือ 1.ปัญหาธุรกรรมยุ่งเหยิง ทั้งการรับเงินจากลูกค้าและการจ่ายเงินให้คู่ค้า ซึ่งต้องใช้เวลานานในการรวบรวมและทำบัญชีกระทบยอด ทั้งยังมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย สรุปยอดไม่ตรง และสุดท้ายรายงานบัญชีที่ทำขึ้นมาก็ยังไม่สะท้อนภาพรวมสุขภาพการเงิน หรือสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจได้ ไม่สามารถนำไปใช้เพื่อวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.ปัญหาการบริหารบุคคล โดยธุรกิจเอสเอ็มอีมีข้อจำกัด เพราะไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแบบกลุ่มให้กับพนักงานได้ และ 3. ปัญหาพลาดโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากเอสเอ็มอีเพียง 20% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เนื่องจากขาดความเข้าใจ และขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อยื่นสมัครสินเชื่อ ส่งผลให้เอสเอ็มอี 27% เลือกใช้เงินทุนตั้งต้นธุรกิจจากการใช้บริการสินเชื่อและการกดเงินสดจากบัตรเครดิต โดยยอมแบกรับกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินความคุ้มค่าระหว่างดอกเบี้ยกับกำไรของธุรกิจ