เงินบาท-หุ้นไทยฟื้นตัว! กสิกรฯแนะจับตาปัจจัยการเมือง,การค้าจีน-สหรัฐ,BREXIT

แฟ้มภาพ
เงินบาท และดัชนีหุ้นไทย ทยอยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทฟื้นตัวท้ายสัปดาห์ หลังอ่อนค่าลงในช่วงแรก โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ สอดคล้องกับสัญญาณไหลออกของเงินทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่ นักลงทุนรอติดตามปัจจัยทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาทปรับตัวแตะระดับอ่อนค่าสุดของสัปดาห์ที่ 31.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าในช่วงต้นสัปดาห์

ในวันศุกร์ (29 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 31.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 มี.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.60-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตา

ประเด็นทางการเมืองในประเทศ กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในเดือนมี.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ทางออกของข้อตกลง BREXIT และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ เดือนมี.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดค้าปลีก และรายจ่ายด้านการก่อสร้าง ในเดือนก.พ.

ส่วนสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,638.65 จุด ลดลง 0.46% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 8.45% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 42,847.36 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลงเล็กน้อย 0.34% มาปิดที่ 364.12 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ กลุ่มสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นในประเทศ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ทยอยฟื้นตัวและลดช่วงลบบางส่วนลงได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย หลังจากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าในช่วงต้นสัปดาห์

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,620 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการพิจารณาข้อตกลง BREXIT ของรัฐสภาอังกฤษ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนมี.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง และดัชนี PMI เดือนมี.ค. ของประเทศแถบยุโรปและญี่ปุ่น