ต่างชาติขายบอนด์สั้นไทยโกยกำไร-เทรนด์ลดลงทุน

ส.ตลาดตราสารหนี้ไทย ชี้ไตรมาสแรก ต่างชาติทิ้งบอนด์ไทย 4.2หมื่นล้านบาท เน้นขายบอนด์สั้นฟันกำไร แนวโน้มลดลงทุน ผลตอบแทนไม่จูงใจ

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในตลาดตราสารหนี้ไทย (บอนด์) มียอดขายสุทธิรวม 42,305 ล้านบาท ส่วนใหญ่ขายบอนด์ระยะสั้นเพื่อรับรู้ผลกำไร หลังจาก ธปท.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการเข้าซื้อสุทธิพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ทำให้ไตรมาส 1/62 ต่างชาติมีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิทั้งสิ้น 942,993 ล้านบาท คิดเป็น 7.3% ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) ของพันธบัตรรัฐบาลมีความชันน้อยลง โดยรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 0.05-0.12 % ส่วนรุ่นอายุ 2-10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 0.01-0.09%

“คาดว่าจะเห็นต่างชาติถือครองบอนด์ไทยลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากผลตอบแทนไม่น่าสนใจ เพราะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสหรัฐ ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายทำกำไร หันกลับไปลงทุนในสหรัฐและกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะมาเลเซียที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3.25% อินโดนีเซียที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 7% และฟิลิปปินส์ที่มีอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 6%” นายธาดากล่าว

สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่เหลือของปี”62 นายธาดาคาดว่า ปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงระดับเดิมที่ 1.75% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัว เพื่อรอดูทิศทางและประสิทธิผลของนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่ อย่างไรก็ดี คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นหลังเดือน มิ.ย. 62 ซึ่งจะทำให้ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ออกมา

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรก ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงเติบโตดี มีมูลค่าคงค้างรวม 12.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากสิ้นปีก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 81,361 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.21% โดยภาคเอกชนออกบอนด์ระยะยาวเพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ 2.79 แสนล้านบาท ซึ่งทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไตรมาส 1 ทุกปี ส่วนใหญ่เป็นการออกหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนการออกบอนด์สั้นมีมูลค่าลดลง 72%


ส่วนแนวโน้มการออกบอนด์ภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็นการออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนตัวที่ครบกำหนดอายุไถ่ถอน ซึ่งปีนี้มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการรีไฟแนนซ์ราว 60% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนด นอกจากนี้ น่าจะเห็นออกหุ้นกู้ของธุรกิจที่มีการไปลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โดยสมาคมยังคงเป้าการออกตราสารหนี้ระยะยาวปีนี้อยู่ที่ 7.5-8.5 แสนล้านบาท