BKI ลาวปักธงปีนี้เบี้ยโต 15% ลุยรับงานนักลงทุนไทย-ปี’61 พลิกกำไร

กรุงเทพประกันภัยลาวพลิกปี’61 มีกำไรปีแรก แรงส่งจาก “PICC” ประกันภัยยักษ์ทุนจีนเข้าถือหุ้น หนุนงานใหม่ในมือเพิ่ม ปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยรวมโต 15% ลุยรับงานนักลงทุนไทยในลาว จ่อดีลรับประกันเขื่อน-โรงไฟฟ้า พร้อมศึกษาลงทุนต่างประเทศเพิ่ม แย้มทำดีลประกันท้องถิ่นส่งรีอินชัวเรอร์ลูกค้า BBL

นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการและที่ปรึกษาด้านการขยายธุรกิจ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ คาดว่าธุรกิจในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5.52 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 15% เทียบจากปีที่แล้วที่มีเบี้ยรับรวม 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และถือเป็นปีแรกที่บริษัทพลิกกลับมามีกำไรอยู่ที่ 1.8 หมื่นเหรียญสหรัฐ หลังจากมีบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่จากจีนชื่อว่า PICC เข้ามาถือหุ้นบริษัทประมาณ 15% ทำให้บริษัทมีงานใหม่ในมือเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้เบี้ยประกันขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 จากเดิมที่อยู่อันดับ 10

อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายงานรับประกันในกลุ่มบริษัทพลังงานและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยเน้นงานนักลงทุนไทยที่เข้ามาลงทุนใน สปป.ลาว เช่น บมจ.อิตาเลียนไทยฯ รวมถึงยังสนใจงานรับประกันเขื่อนและโรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีงานอยู่ในมือประมาณ 2-3 ราย คาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มอีก เพราะบริษัทได้มีการเสนอราคาประมูลไว้อยู่บ้างแล้ว

ทั้งนี้ การเข้าไปรับประกันโครงการใหญ่ ๆ บริษัทได้ตั้งทีมวิศวกรสำรวจภัยเพื่อประเมินความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 18 คน และคาดว่าปีนี้จะรับเพิ่มเข้ามาได้อีกเป็น 25 คน และหากผลสำรวจภัยออกมาแล้วมีผลที่ดีเกินกว่ามาตรฐาน บริษัทพร้อมจะเข้าไปรับประกันแม้จะมีการแข่งขันด้านราคาก็ตาม

“เราเข้าไปลงทุนทำธุรกิจใน สปป.ลาวตั้งแต่เดือน ส.ค. 59 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเบี้ยรับรวมขาดทุนมาทุกปี โดยปิดสิ้นปี”59 มีเบี้ยรับรวมขาดทุนอยู่ที่ 8.2 แสนเหรียญสหรัฐ และในปี”60 เบี้ยรับรวมขาดทุนที่ 1.02 แสนเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวมตลาดประกันภัยใน สปป.ลาวเมื่อปี”61 เบี้ยรับรวมทั้งระบบอยู่ที่ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้าที่มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 62 ล้านเหรียญสหรัฐ” นายพนัสกล่าว

ส่วนธุรกิจในประเทศกัมพูชาบริษัทคาดว่าปีนี้จะมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 7.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 23 กว่าจะรับรู้กำไรต้องใช้เวลาประมาณ 7 ปี แต่หลังจากนั้นบริษัทก็สามารถทำกำไรมาโดยตลอด โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.4 แสนเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวมตลาดประกันภัยในกัมพูชาเมื่อปีที่ผ่านมามีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 87 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้าที่มีเบี้ยรับอยู่ที่ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ

“หลังจากที่เราไปสัมผัสตลาดในต่างประเทศ พบว่ายิ่งสัมผัสนับวันจะยิ่งรู้สึกว่าตลาดค่อนข้างน่าสนใจมาก แม้กระทั่งในอินโดนีเซียที่ใคร ๆ ก็กลัวเพราะเป็นประเทศที่มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นเยอะ” นายพนัสกล่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มการลงทุนต่างประเทศ เช่น เวียดนาม, เมียนมา, อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, มาเลเซีย, จีน ซึ่งบริษัทเองมีศักยภาพด้านชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับในภูมิภาคอยู่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปรับประกันลูกค้าธนาคารกรุงเทพในต่างประเทศก่อน จากเดิมที่ลูกค้ากลุ่มนี้ทำประกันผ่านบริษัทประกันภัยท้องถิ่น

โดยบริษัทจะเข้าไปทำข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยท้องถิ่นว่า หากลูกค้าธนาคารกรุงเทพเข้ามาทำประกัน บริษัทจะต้องรีอินชัวเรอร์คืนให้กรุงเทพประกันภัย ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค. 61 เริ่มโครงการแรกที่อินโดนีเซีย ต่อมาในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี”61 ได้เริ่มโครงการที่เวียดนามและไต้หวัน จนกระทั่งเมื่อปี”62 ได้เริ่มโครงการที่มาเลเซีย

สำหรับธุรกิจประกันภัยในไทย นายพนัสกล่าวว่า ปีนี้ตลาดประกันภัยรถยนต์จะเป็นบทเรียนที่ดี เพราะการแข่งขันถึงจุดจุดหนึ่งไปไม่รอด ซึ่งปีที่แล้วมีบริษัทประกันวินาศภัยที่ล้มหายตายจาก และมีบางบริษัทที่ถอนตัวออกไป จึงคาดคะเนว่าตลาดประกันภัยรถยนต์ราคาน่าจะถูกปรับตัวขึ้นในปีนี้


“ส่วนประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (น็อนมอเตอร์) อัตราเบี้ยประกันน่าจะอยู่ในกรอบเดิม โดยทางอินชัวเรอร์มองตลาดประกันในไทยแข่งขันถึงจุดจุดหนึ่งน่าจะลำบาก แต่เนื่องจากยังมีอินชัวเรอร์ใหม่ ๆ เห็นว่าตลาดในประเทศยังสามารถทำกำไรได้ จึงเข้ามาให้ capacity ทำให้ตลาดนี้ยังมีภาวะในการแข่งขันกันอยู่ โดยบริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปี”62 อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 17,326 ล้านบาท” นายพนัสกล่าว