ส่องกองอสังหา-REIT-อินฟราฯ มอร์นิ่งฯ ชี้ผลตอบแทนรุ่ง/ภัทรเพิ่มน้ำหนัก

จับสัญญาณกองทุนอสังหาฯสดใส ภัทรเพิ่มน้ำหนักลงทุน ชี้กองทุนที่ลงทุนในห้างสรรพสินค้า ปั๊มรายได้ค่าเช่าโตต่อเนื่อง สวนทางธุรกิจโรงแรมที่เริ่มมีคู่แข่งเพิ่มในหลายโซน มอร์นิ่งสตาร์เผย 3 อันดับแรกกองทุนอสังหาฯรีเทิร์น 1 ปีสุดเจ๋ง ทะลุ 20%

นายณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 สำหรับกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Structure Fund) ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มกองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทน (รีเทิร์น) ที่ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมที่อยู่ระดับ 12% (รวมเงินปันผล) ขณะที่กองทุนอสังหาฯในระยะ 10 ปี ให้รีเทิร์นเฉลี่ยกว่า 13% ต่อปี(รวมผลตอบแทนจากเงินปันผล) จึงยังคงให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด (Over Weight)

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องพิจารณาสินทรัพย์อ้างอิงของกองทุนด้วย เช่น หากลงทุนในห้างสรรพสินค้า อย่างกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) จะมีข้อดีทั้ง 1.ความหลากหลายของทำเล โดยมีทั้งเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 เซ็นทรัล พลาซา รัชดา-พระราม 3 ฯลฯ 2.มีจำนวนผู้เช่าพื้นที่ในแต่ละทำเลมากกว่า 100 ราย 3.มีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอและมีแนวโน้มปรับอัตราค่าเช่าขึ้นได้สูงกว่าเงินเฟ้อ

แต่หากเป็นสินทรัพย์ประเภทโรงแรม อาจมีข้อจำกัดบางเรื่อง เช่น บางกองทุนจะลงทุนโรงแรมแห่งเดียว ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า 3 อันดับแรกของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ (TRIF) โดยให้ผลตอบแทนถึง 37.20% , กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ผลตอบแทน 22.81%และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) 22.09%

ส่วน 3 อันดับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) โดยให้ผลตอบแทน, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF)

สำหรับ 3 อันดับแรกของ REITs ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล รีเทิร์น (LHHOTEL) ,ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC) , ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT)

“การลงทุนในกองทุนเหล่านี้ในระยะสั้นอาจมีการติดลบของรีเทิร์นบ้าง ขณะที่บางกองก็เป็นบวกได้ แต่ถ้าลงทุนในระยะยาว กองทุนเหล่านี้ก็ยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งกองทุนอสังหาฯทำได้่เฉลี่ย 5% ต่อปี กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานราว 5-6% REITs อยู่ที่ 7% ต่อปี” นายกิตติคุณกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุน ควรจะต้องพิจารณาเรื่องสภาพคล่องการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนนั้น ๆ ด้วย และประเมินศักยภาพของธุรกิจที่กองทุนลงทุน จะทำผลตอบแทนได้ในอนาคตด้วย

“ถ้านักลงทุนสนใจจะลงทุนในกองทุนเหล่านี้ แนะนำให้มีไว้ประมาณ 10% เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต ไม่ควรซื้อจนทำให้เป็นกลายสินทรัพย์หลักในพอร์ต” นายกิตติคุณกล่าว

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนของกองทุนรวม CPNRF กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวม CPNRF เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2560 มีมติอนุมัติการแปลงสภาพจากกองทุนรวม CPNRF เป็นกองทรัสต์ CPNREIT นอกจากนี้ยังอนุมัติแผนการลงทุนของกองทรัสต์ CPNREIT ที่จะลงทุนเพิ่มเติมในโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา (บางส่วน) และโรงแรมฮิลตัน พัทยา มูลค่า 11,908 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี