“อำนวย” เข็นภารกิจธนารักษ์ หนุนลงทุนประเทศปลุกเศรษฐกิจ

อำนวย ปรีมนวงศ์

สัมภาษณ์

ในที่สุดกรมธนารักษ์ก็สามารถผลักดันยกร่างพระราชบัญญัติประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จนผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปได้ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีบทบาทเสริมกระบวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มจัดเก็บในปี 2563 เป็นปีแรก “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “อำนวย ปรีมนวงศ์” อธิบดีกรมธนารักษ์ ถึงเรื่องดังกล่าว รวมถึงอัพเดตภารกิจสำคัญของกรมธนารักษ์ที่อยู่ระหว่างเร่งผลักดันก่อนจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้

ผ่าน กม.ประเมินราคา

โดยนายอำนวยกล่าวว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ประเมินราคาฯอยู่ระหว่างกระบวนการทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ โดยภายใน 180 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทางกรมธนารักษ์จะต้องทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องออกมาประกอบด้วย กฎกระทรวง 3 ฉบับ และประกาศอีก 1 ฉบับ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะสอดรับกับการจัดเก็บภาษีที่ดินที่จะเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2563

ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายนี้จะมีโครงสร้างคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ ส่วนกลาง ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย ออกหลักเกณฑ์การประเมิน และระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ประเมินราคา และประกาศใช้บัญชีราคาประเมินภายในจังหวัด รวมถึงการพิจารณาการร้องคัดค้าน หรืออุทธรณ์ราคาประเมินที่จะจบที่ระดับจังหวัดด้วย เพราะหากใช้กฎหมายเดิมเรื่องคัดค้านจะมากระจุกตัวที่ส่วนกลาง

“กฎหมายฉบับนี้จะทำให้การประเมินราคาที่ดินเพื่อใช้เป็นฐานในการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยการคัดค้านหรืออุทธรณ์ภาษีสามารถเสร็จสิ้นที่ระดับจังหวัดได้เลย ซึ่งจะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เนื่องจากพอมีภาษีที่ดิน ทุกโฉนดจะถูกนำมาใช้เป็นฐานจัดเก็บภาษี 100% ทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียหมด จึงมีโอกาสมากที่จะมีการร้องคัดค้านราคาประเมินมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ราคาประเมินที่ประกาศออกมามีการใช้ไม่ถึง 10% คือใช้เฉพาะเวลาจดทะเบียนซื้อขาย การคัดค้านจึงมีไม่มาก”

นายอำนวยกล่าวว่า กฎหมายประเมินราคาฯนี้จะทำให้การประเมินราคาทรัพย์สินต้องมีมาตรฐานทางวิชาการทางการประเมิน โดยเมื่อให้อำนาจคณะกรรมการประเมินทรัพย์สินระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณาได้ ดังนั้น มาตรฐานก็ต้องเป็นแบบเดียวกันทั้งประเทศด้วย เช่น วิธีการประเมินต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นต้น

“เมื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน กรณีประชาชนที่จะคัดค้านหรืออุทธรณ์ราคาก็ต้องดูกฎหมายใหม่เปิดให้คัดค้านได้ในกรณี หนึ่ง กระบวนการในการประเมินราคาไม่ถูกต้อง และสอง ตำแหน่งของแปลงที่ดินไม่ถูกต้อง ดังนั้น แม้จะไม่พอใจราคาที่ประกาศ ถ้าไม่เข้าตามเกณฑ์นี้ก็คัดค้านไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็คัดค้านกันหมด”

จ่อประกาศราคาประเมินรอบใหม่

นายอำนวยกล่าวว่า กรมธนารักษ์จะประกาศบัญชีราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศรอบใหม่ ก่อนจะถึงวันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 7,800 แห่งได้เตรียมตัวสำหรับนำไปใช้เป็นฐานจัดเก็บภาษีที่ดิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับราคา คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.-ส.ค. ซึ่งกรมพยายามทำให้ราคาประเมินใกล้เคียงราคาซื้อขายจริงมากที่สุด

เร่งสวนป่าเบญจกิติเสร็จปี’64

ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินการสวนป่าเบญจกิติ นายอำนวยกล่าวว่า ทางองค์การยาสูบแห่งประเทศไทย (โรงงานยาสูบ) อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบพื้นที่ เพื่อให้ทันตามกำหนดว่าต้องส่งมอบและสร้างสวนป่าให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2564 โดยแนวทางการพัฒนานั้น ปัจจุบันได้ข้อสรุปว่าจะเป็นสวนป่าอย่างเดียว ซึ่งในส่วนที่เป็นสิ่งปลูกสร้างของโรงงานยาสูบเดิม จะต้องรื้อออกหมด เหลือโกดังไว้ 4 หลังเพื่อส่วนหนึ่งทำเป็นโรงยิมสำหรับกีฬาในร่ม และบางส่วนทำเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยทั้งหมดนี้ใช้งบประมาณภาครัฐทั้งสิ้นกว่า 900 ล้านบาท ไม่ได้เปิดให้เอกชนเข้ามาพัฒนา ซึ่งได้กันเงินของโรงงานยาสูบไว้แล้ว

จ่อเซ็น “ร้อยชักสาม” เม.ย.

ด้านโครงการลงทุนพัฒนาที่ราชพัสดุ นายอำนวยกล่าวว่า กรมกำลังเตรียมจะเซ็นสัญญาโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงโรงภาษีร้อยชักสาม มูลค่าลงทุน 3,300 ล้านบาท ให้ทันภายในเดือน เม.ย.นี้ กับทางคู่สัญญาคือ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ซึ่งได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาลงทุน ขณะที่โครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระยะที่ 3 มูลค่าราว 6,000 ล้านบาท ที่ได้เซ็นสัญญากับคู่สัญญาเดิม คือ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (NCC) ไปก่อนหน้านี้ ทางเอกชนแจ้งว่าอาจจะลงทุนถึงหลัก 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค.นี้ นอกจากนี้ก็มีโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C ก็จะเริ่มก่อสร้างเฟสแรกปลายปีนี้

“นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุในต่างจังหวัดที่เป็นแปลงเล็กแปลงน้อยอีกกว่า 200 สัญญา มูลค่ารวม ๆ แล้ว 2,000-3,000 ล้านบาท หวังว่าโครงการลงทุนเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ตั้งแต่ปีนี้ต่อเนื่องไปปีต่อ ๆ ไป” อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าว