SIRI ออกหุ้นกู้-ลดบี/อีกดต้นทุน ตุนงานในมือพุ่ง 3.4 หมื่นล.ปีนี้

แสนสิริปรับทิศบริหารต้นทุนทางการเงิน เล็งใช้จังหวะดอกเบี้ยขาลง ทยอยออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนของเก่า พร้อมตั้งเป้าลดหนี้จากตั๋วบี/อี เหลือ 4-5 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มี 5.5-6 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 2560 รายได้แตะระดับ 3.2 หมื่นล้านบาท

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดการหนี้สินรวม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นหุ้นกู้ 40-45% เงินกู้สถาบัน 20-25% ที่เหลือเป็นกลุ่มตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บี/อี) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (พี/เอ็น)

ทั้งนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยได้เข้าสู่ช่วงทิศทางขาลงมาระยะหนึ่งแล้ว บริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องบริหารต้นทุนทางการเงินให้สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 3.79% ลดลงจากต้นปี 2560 ที่อยู่ระดับ 4% และลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 ที่อยู่ระดับ 5.5% และคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561

ดังนั้นปี 2561 ซึ่งบริษัทจะมีหุ้นกู้ครบกำหนดมูลค่ารวมราว 6,000 ล้านบาทนั้น บริษัทจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทน ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง ขณะเดียวกันในอนาคตบริษัทจะลดสัดส่วนตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บี/อี) ลงมาอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 5.5-6 พันล้านบาท เพราะนักลงทุนที่ซื้อตราสารในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ความต้องการมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนที่มั่นคงกว่าการระดมเงินทุนจากตั๋วบี/อีให้มากขึ้น

“ดอกเบี้ยของตั๋วบี/อีเรากู้อยู่ที่ประมาณ 2.3-2.5% ซึ่งปัจจุบันเรามีบี/อีที่ 5,500-6,000 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจะพยายามปรับลดสัดส่วนลง ส่วนช่วงปลายเดือนกันยายน บริษัทก็เตรียมที่จะออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 3.35% ขายนักลงทุนรายย่อยทั่วไปผ่านกสิกรไทย ออกมาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและขยายกิจการต่อ” นายวันจักร์กล่าว

ในส่วนของรายได้รวมปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ราว 32,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 34,395 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้ยอดโอนปีนี้ 28,000 ล้านบาท จากโครงการขนาดใหญ่ที่รอส่งมอบให้ลูกค้า และอีก 4,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการรับจ้างบริหารโดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) 34,178 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่มาจากบริษัท 10,317 ล้านบาท และบีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (โครงการร่วมทุน) 23,861 ล้านบาท


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 14 โครงการ ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ อาทิ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ บ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่ารวม 36,500 ล้านบาท