ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ภายหลังจีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพว่า รายงานภาวะเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2562  ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/5) ที่ระดับ 31.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (13/5) ที่ระดับ 31.65/67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ภายหลังกระทรวงการคลังของจีนได้แถลงว่า จีนจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 23% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน ทั้งนี้สินค้าในภาคการเกษตรของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้ โดยรายการสินค้าที่้จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น จะรวมไปถึง ถั่ว น้ำตาล ข้าวสาลี ไก่ และไก่งวง

การเคลื่อนไหวของจีนนับเป็นการตอบโต้สหรัฐ ภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราดังกล่าวที่วงเงินเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายหลังการตอบโต้จากจีน ซึ่งหากการดำเนินการตามกฎหมายเสร็จสิ้น การขึ้นภาษีอาจเกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ทั้งนี้ระหว่างวัน ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.45-31.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.49/31.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (14/5) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1233/35 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (14/5) ที่ระดับ 1.1237/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยได้รับแรงกดดันภายหลังจากกรรมาธิการยุโรปได้เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) กำลังทำการสรุปรายการสินค้าของสหรัฐที่ EU จะเก็บภาษีตอบโต้ในกรณีที่สหรัฐสั่งเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป ซึ่งคาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะทำการตัดสินใจในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ เพิ่มความวิตกกังวลให้แก่นักลงทุนว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ อาจแผ่ขยายมายังทวีปยุโรปด้วย ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1228-1.1244 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1238/40 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (14/5) เปิดตลาดที่ระดับ 109.63/65 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (13/5) ที่ระดับ 109.66/68 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากสภาวะสงครามการค้าที่ยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองสกุลเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 109.39-109.77 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.68/70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือน เม.ย. (14/5) ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย. (15/5) ดัชนีภาคการผลิต (empire state manufacturing index) เดือน พ.ค.จากเฟดนิวยอร์ค (15/5) การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. (15/5) สต็อกสินค้าภาคธุรกิจเดือน มี.ค. (15/5) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (16/5) ดัชนีการผลิตเดือน พ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย (16/5) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน เม.ย.จาก conference Board (17/5) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (17/5)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.50/2.30 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.50/-2.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ