“เงินติดล้อ” โหมธุรกิจประกัน ปักธง 3 ปี อัพเบี้ยหมื่นล้าน

สัมภาษณ์

“ธุรกิจประกันเป็นธุรกิจใหม่ของเงินติดล้อที่เริ่มเปิดให้บริการมาได้ 2 ปีแล้ว เปรียบเสมือนการสร้างบ้านใหม่ จากเดิมที่ทุกคนเคยโตมาจากธุรกิจสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงานหรือกระบวนการขาย ที่ต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด และแม้ว่าธุรกิจจะเริ่มค่อย ๆ โตขึ้น ๆ จากทีมใหม่ที่เราลงมือสร้างขึ้นมา แต่ก็ยังต้องเรียนรู้ประสบการณ์ในวงการนี้อีกมาก” นี่เป็นคำกล่าวอย่างถ่อมตัวของ “อาฑิตยา พูนวัตถุ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายนายหน้าประกันภัย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อเร็ว ๆ นี้

โดย “อาฑิตยา” เล่าว่า เงินติดล้อ หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจประกัน เนื่องจากมองว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเบี้ยประกันภัยรับรวมในธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบมีอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท และเมื่อเทียบสัดส่วนคนซื้อประกันกับจำนวนประชากรไทยถือว่ายังต่ำมาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทเริ่มมีส่วนแบ่งตลาด (market share) ประมาณ 2% ของเบี้ยประกันในธุรกิจโบรกเกอร์ประกันวินาศภัยที่มีกว่า 80,000 ล้านบาท

“สินค้าที่เราขายขณะนี้มีประกันรถยนต์ ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ซึ่งตัวเลขถือว่าโตขึ้นทุกเดือน เนื่องจากเรามีแคมเปญผ่อนชำระโดยไม่มีหลักประกัน นานสูงสุด 6 งวด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้า โดยปัจจุบันพอร์ตเกือบ 90% ก็มาจากการที่ลูกค้าผ่อนชำระ”

สำหรับปี 2562 นี้ “อาฑิตยา” บอกว่า ช่วง 3 เดือนแรก บริษัทมีเบี้ยประกันเข้ามาแล้วกว่า 600 ล้านบาท เติบโต 60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากแคมเปญประกันรถยนต์ราคาพิเศษ รวมถึงไม่คิดค่าบริการเพิ่มในส่วนของ พ.ร.บ. ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นอาจจะคิดค่าบริการเพิ่มเฉลี่ย 50-150 บาท และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลก็มีแคมเปญแจกฟรีด้วย ซึ่งปีนี้คาดว่าเบี้ยรับรวมจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งจะมาจากเบี้ยประกันรถยนต์ 80% หรือราว 1,600 ล้านบาท หรือยอดขายเฉลี่ย 13,000-14,000 กรมธรรม์ต่อเดือน ส่วนที่เหลือจะเป็นเบี้ย พ.ร.บ. ที่มียอดขายเฉลี่ย 20,000 กรมธรรม์ต่อเดือน และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ที่มีอัตราการต่ออายุเกือบ 60%

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีช่องทางขายหลักผ่านสาขากว่า 900 แห่งทั่วประเทศ มีพนักงานให้บริการกว่า 3,000 คน

อย่างไรก็ดี ปีนี้ “อาฑิตยา” บอกว่า บริษัทได้เปิดบริการแพลตฟอร์มใหม่ เป็นระบบขายประกันบนไอแพด ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานสามารถให้คำแนะนำลูกค้า และเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัทได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งปัจจุบันนำร่องไปแล้วใน 65 สาขา โดยจะเน้นสาขาที่มียอดธุรกรรมจำนวนมาก คือ ยอดขายประกันเกิน 50 กรมธรรม์ต่อเดือน และคาดว่าจะขยายการใช้งานเพิ่มเป็น 200 สาขาภายในปีนี้

“การขายประกันบนไอแพดจะช่วยทำให้พนักงานสาขาจบการขายได้เร็วขึ้น เดิมอาจจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แต่ต่อไปอาจจะเหลือแค่ 10-15 นาที เพราะลูกค้าเห็นหน้าจอและเห็นการเปรียบเทียบของราคาเบี้ยประกันแต่ละบริษัทประกันได้ง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า โดยเน้นขายประกันเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา คือ บิ๊กซีบางพลี บิ๊กซีสมุทรปราการ และห้าง Passione จ.ระยอง ซึ่งพบว่ามียอดเข้ามาประมาณ 60 กรมธรรม์ต่อเดือน รวมถึงได้ขยายทีมเทเลเซลอีกเกือบ 100 คน โดยมีแผนจะขยายเพิ่มขึ้น 15-20 คนต่อปี

ส่วนการขยายโปรดักต์ในอนาคต “อาฑิตยา” บอกว่า กำลังมองการขยายโปรดักต์ประกันสุขภาพ รวมถึงการเจรจาขยายพันธมิตรบริษัทประกันเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 15 แห่ง ภายในกลางปี 2563 โดยปัจจุบันพอร์ต 40% ของเบี้ยรวมทั้งหมด เป็นของบริษัทวิริยะประกันภัย เนื่องจากลูกค้า 50% จะเลือกแบรนด์ที่ทำให้มั่นใจว่า เคลมแล้วจะไม่เกิดปัญหา ส่วนอีก 50% จะเลือกเพราะราคาถูก

“อาฑิตยา” เล่าถึงแผนระยะ 3 ปี (2563-2565) ด้วยว่า บริษัทตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ต่อปี บนพื้นฐานที่มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 แสนราย โดยคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทจะกระโดดไปสู่ระดับ 10,000 ล้านบาทได้ในช่วง 3 ปีดังกล่าว เพราะตลาดประกันยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

“ด้วยความที่การรับรู้แบรนด์เงินติดล้อ โดยลูกค้ากว่า 90% จะรู้จักจากการให้บริการสินเชื่อ ในขณะที่การให้บริการด้านประกันมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์ หรือโฆษณาให้ประชาชนรู้ว่า เราขายประกัน ก็เชื่อว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นตาม เพราะจากสถิติแบรนด์ที่ติดตลาด การรับรู้จะกระโดดไปปีละ 10-15% ซึ่งบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนทำมาร์เก็ตติ้งไว้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี เน้นทำตลาดผ่านทีวีและออนไลน์ แต่หลัก ๆ รุกผ่านทีวี เนื่องจากลูกค้าของเราเป็นกลุ่มคนต่างจังหวัด” นางอาฑิตยากล่าว