คลังเผยหนี้สาธารณะสิ้น ก.ค.เพิ่ม 3.9 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ 41.83% ของจีดีพี

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 มีจำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.83% ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,803,543.97 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 967,658.32 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 438,271.67 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 15,514.79 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 39,491.75 ล้านบาท โดยหนี้รัฐบาล เพิ่มขึ้นสุทธิ 43,586.19 ล้านบาท เนื่องจากมีการกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 รวมถึงเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น 34,510 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น 6,000 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง 20,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นไปเป็นพันธบัตรรัฐบาล 14,000 ล้านบาท เงินกู้ระยะยาว เพิ่มขึ้น 28,510 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น 14,000 ล้านบาท

รวมถึงมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง และส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมศักยภาพจำนวน 22,000 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 7,490 ล้านบาท

ยังมีการกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 9,642.10 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 8,803.56 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 7,856.80 ล้านบาท สายสีเขียวจำนวน 620.73 ล้านบาท และสายสีน้ำเงินจำนวน 326.03 ล้านบาท และ (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 838.54 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย จำนวน 419.83 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 328.65 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต จำนวน 90.06 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 14.14 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

ขณะที่หนี้ต่างประเทศลดลงสุทธิ 551.77 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ ด้านหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 967,658.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 339.42 ล้านบาท โดยเกิดจากหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลง 950.63 ล้านบาท จากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

ส่วนหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้น 1,290.05 ล้านบาท เกิดจากการกู้เงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การชำระคืนต้นเงินกู้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 438,271.67 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 3,464.11 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ส่วนหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 15,514.79 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 969.75 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย


ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 จำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,918,951.70 ล้านบาท หรือ 95.08% และหนี้ต่างประเทศ 306,037.05 ล้านบาท (ประมาณ 9,160.82 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 4.92% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,565,098.20 ล้านบาท หรือ 89.40% และหนี้ระยะสั้น 659,890.55 ล้านบาท หรือ 10.60% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด