“ออมสิน-ธอส.” เอ็มโอยูธนารักษ์ หนุนสินเชื่อ “บ้านคนไทยประชารัฐ”

“ออมสิน-ธอส.” เอ็มโอยูธนารักษ์ หนุนสินเชื่อ “บ้านคนไทยประชารัฐ” ให้กู้ซื้อบ้านราคา 350,000-700,000 บาท นำร่อง 5 จังหวัด มูลค่าโครงการรวม 1,564 ล้านบาท เผยผู้มีรายได้น้อยกู้ คิดดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ระยะเวลา 4 ปี

วันนี้ (17 มิถุนายน 2562) ณ ห้องประชุมกรมธนารักษ์ ชั้น 8 อาคาร 72 ปี กรมธนารักษ์ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงสินเชื่อโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ ระหว่างกรมธนารักษ์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุ โดยมี นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานในพิธี

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ราชพัสดุและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองราคาไม่เกินหน่วยละ 700,000 บาท ในกรอบวงเงินโครงการรวม 4,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินเป็นแหล่งทุนทั้งให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย (Post Finance) โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการสำหรับผู้ซื้อรายย่อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3.ประชาชนทั่วไป

“ธนาคารมีความยินดีและมีความพร้อมในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการนี้ ทั้งการให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย ซึ่งธนาคารออมสินได้ประสานงานในการดำเนินโครงการกับกรมธนารักษ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีนโยบายในเรื่องนี้” ดร.ชาติชาย กล่าว

สำหรับรูปแบบที่อยู่อาศัยโครงการนั้นแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารชุดพักอาศัย กำหนดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ราคาหน่วยละประมาณ 350,000-700,000 บาท โดยธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาสินเชื่อโครงการฯ ให้ผู้ประกอบการจำนวน 3 ราย ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย และขอนแก่น ซึ่งก่อสร้างในรูปแบบอาคารพักอาศัย (ห้องชุด) และบ้านแฝดชั้นเดียว รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,564 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างประมาณ 2,302 ยูนิต โดยมีผู้สนใจ 4,953 ราย ได้จองสิทธิกับผู้ประกอบการรวม 2,210 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 512 ราย กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน จำนวน 1,674 ราย และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 5 ราย

ขณะที่สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ ธนาคารออมสินปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 3 ปี ปีที่ 4 เป็นต้นไป เท่ากับ MLR -1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี (ปัจจุบัน MLR ของธนาคารออมสิน = 6.50%) ส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อรายย่อย กำหนดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-4 คงที่ 2.75% ต่อปี ปีที่ 5 เป็นต้นไป กรณีรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.75 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารออมสิน ปัจจุบัน = 7.00% ต่อปี) ส่วนกรณีสวัสดิการหักเงินเดือนคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งถือเป็นโครงการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคง และยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ธอส. พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการทั้งในด้านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำร่วมกับธนาคารออมสินด้วยกรอบวงเงินรวม 4,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้เช่าที่ราชพัสดุ

แบ่งเป็น 1.สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 3.00% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MLR – ไม่เกิน 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. กับ 6.25% ต่อปี) ระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการ ที่มีวัตถุประสงค์การกู้เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขของโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ และ 2.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – 4 เท่ากับ 2.75 % ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้กรณีลูกค้ารายย่อย MRR – 0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือน MRR – 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) ให้กู้เพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ ภายใต้โครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” ในระดับราคา 350,000-700,000 บาท/หน่วย ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี
พร้อมได้รับการผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) ตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้รายได้น้อยมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ในระดับที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ สามารถมาติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมกับธนาคารได้ตั้งแต่ บัดนี้จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2566

ทั้งนี้ ความร่วมมือของโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ ถือเป็นการดำเนินงานตามกรอบการดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ซึ่งโครงการมีกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง 2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3.ประชาชนทั่วไป (อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) โดยให้สิทธิพิจารณาผู้เข้าร่วมโครงการจากประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลังเป็นลำดับแรก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์