บมจ. ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) เดินหน้าเข้า SET ภายในก.ย.นี้

บมจ. ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (“บริษัท”) หรือ SKN ผู้ส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟรายใหญ่ ประกาศความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาด SET เสนอขายไอพีโอ 200 ล้านหุ้น เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเป็น 500,000 ลบ.ม.ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ลบ.ม.ต่อปี คาดผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลาง Q3/61 หนุนผลงานโตโดดเด่น รับดีมานด์ที่ล้นในปัจจุบัน แถมทิศทางอุตสาหกรรมแผ่นไม้

เอ็มดีเอฟในตลาดโลกยังมีความต้องการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมด้วย บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เผย ในช่วงที่ผ่านมา SKN เดินสายโรดโชว์พบนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสรุปราคาและเข้าทำการซื้อขายภายใน ก.ย.นี้ มั่นใจปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแกร่ง เชื่อได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแน่นอน

นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ตามแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาสที่ 3/2560 เงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว และลงทุนขยายสายการผลิตใหม่ในพื้นที่โรงงานเดิมที่เตรียมไว้แล้ว

ทั้งนี้ แผนงานที่ SKN จะดำเนินการระหว่างปี 2560 – 2561 ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก
1 สาย กำลังการผลิตเท่ากับ 260,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเติบโตไปตามทิศทางของอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางไตรมาสที่ 3/2561 สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนในการเพิ่มเติมสายการผลิตอีก 1 สาย จะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และมาจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้

ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงธุรกิจไม้แปรรูปมายาวนาน จึงได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของตลาดส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ และเริ่มรุกธุรกิจดังกล่าวภายใต้ชื่อ บมจ. ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ โดยเริ่มเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2556 และใช้กำลังการผลิตในระดับสูงมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2557 โดยบริษัทฯ

มีอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 89 ของกำลังการผลิตสูงสุด และมีปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี 2557 – 2559 โดยอยู่ที่ 171,175 ลูกบาศก์เมตร 197,532 ลูกบาศก์เมตร และ 199,658 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 414.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.37% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 347.53 ล้านบาท กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 71.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 65.89 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการหยุดการผลิตเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อซ่อมบำรุงสายการผลิตตามแผนงานในไตรมาสที่ 1/2560 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น สนับสนุนให้ในไตรมาส 2/2560 สามารถใช้กำลังการผลิตขึ้นไปแตะนิวไฮสูงสุดที่ระดับประมาณ 90% รองรับออเดอร์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 742.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 726.32 ล้านบาท กำไรสำหรับงวด 103.71 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 139.52 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายสินค้าโดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ราคาขายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟของบริษัทฯ เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดเมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2559 ส่วนรายได้รวมในปี 2559 อยู่ที่ 1,492.17 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 262.58 ล้านบาท โดยลูกค้าหลักบริษัทฯ เป็นกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศเกือบทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 95–99% ของยอดขายรวม

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา SKN เดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อแนะนำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่น

โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรม ความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงอัตรากำไรที่โดดเด่น และหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้เสนอขายหุ้น SKN บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดจองซื้อหุ้น IPO ได้ในช่วงกลางเดือนกันยายน และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนกันยายนปีนี้

ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงธุรกิจไม้แปรรูปมานานกว่า 30 ปี ที่ตั้งของโรงงานอยู่ใน จ.ระยอง ซึ่งใกล้แหล่งปลูกไม้ยางพาราซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตและใกล้ท่าเรือขนส่งสินค้าน้ำลึกที่แหลมฉบังและมาบตาพุต ทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนการขนส่งได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟรายใหญ่ของประเทศ ด้วยกำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และหลังจากขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จจะเพิ่มเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเป็นผู้ส่งออกชั้นนำของประเทศ โดยคาดว่าสายการผลิตใหม่จะสามารถดำเนินการผลิตเพื่อส่งออกได้ภายในไตรมาสที่ 3/2561 เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ขยายตลาด และรับรู้คำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาได้เพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมความต้องการแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลกยังคงได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง มีอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้เฉลี่ย (ปี 2543 – 2558) อยู่ในระดับสูงที่ 11.2% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟเป็นลำดับที่ 4 และมูลค่าการส่งออกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเชนกัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2555 – 2558) ประมาณ13.4% ตอกย้ำทิศทางการเติบโตและโอกาสของธุรกิจ แผนการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ เชื่อว่าจะเสริมศักยภาพให้ SKN ยิ่งขึ้น และได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นในอนาคต