“ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย” หนุนคลังตั้งกองทุนใหม่ชื่อ “PMF” แทนกองทุน LTF จ่อหารือ สศค. หลังรัฐมนตรีคลังคนใหม่เข้ามาบริหารงาน เสนอปรับเปลี่ยนประเภทหลักทรัพย์ที่กอง PMF ลงทุนได้ ชูอินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ หวั่นฟันด์แมเนเจอร์บริหารยาก คาดแก้ไขแล้วเสร็จภายในปีนี้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีแนวทางออกกองทุนใหม่แทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีในสิ้นปีนี้ ซึ่งในเบื้องต้นถือว่าหลักการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว จะคล้ายกับที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้เคยเสนอไป คือ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนประเภทของหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมจะลงทุนได้ ด้วยการกำหนดให้ลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) ขนาดใหญ่ ที่มีอยู่ในระบบขณะนี้ รวมถึงกลุ่มหุ้นยั่งยืน ทั้งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับบรรษัทภิบาล (CG) และบริษัทที่มีพื้นฐานการทำธุรกิจยั่งยืน (ESG) รวมถึงหุ้นเอสเอ็มอีและหุ้น S-curve ด้วย
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
ทั้งนี้ จะมีการกำหนดสัดส่วน 50% แรกของกองทุน สำหรับลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและหุ้นยั่งยืน บรรษัทภิบาล หุ้นเอสเอ็มอี และหุ้น S-curve ส่วนที่เหลืออีก 50% เน้นลงทุนในหุ้นไทยทั่วไปตามวิจารณญาณของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อย่างไรก็ดี ตนเห็นว่าการลงทุนในกลุ่มแรกที่ภาครัฐบังคับนั้น หากจะมีการเปลี่ยนคำว่า “และ” ให้เป็นคำว่า “หรือ” จะเป็นการให้อิสระแก่ผู้จัดการกองทุน สามารถเลือกหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้ได้ โดยขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละกอง น่าจะทำให้ฟันด์แมเนเจอร์บริหารง่ายขึ้น
“ไม่ใช่ว่าจะต้องมีทุกประเภท ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำงานยากมาก แต่ถ้าเราใช้คำว่า “หรือ” ก็คืออยู่ในกลุ่มนี้ แล้วแต่ บลจ.จะไปเลือก ซึ่งแต่ละกองจะมีสไตล์ของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งดีต่อนักลงทุนที่จะมีทางเลือกเยอะ เพียงแต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งธีมนี้ไปเท่านั้นเอง” นายไพบูลย์กล่าว
ส่วนระยะเวลาที่ผู้ลงทุนมีข้อกำหนดต้องถือครองอย่างน้อย 7 ปีปฏิทินนั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับสิทธิลดหย่อนภาษีเดิมที่ได้เคยเสนอให้เป็นการหักเครดิตภาษี (tax credit) นั้น ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) บอกว่า ทำได้ยาก เนื่องจากระบบของไทยยังไม่มี จึงเสนอในรูปแบบการปรับลดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี และไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน
“ซึ่งต่อไปคนที่มีรายได้สูง ผลประโยชน์ก็จะหายไปครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่เคยประหยัดไปได้ 5 แสนบาท ก็จะเหลือแค่ 2.5 แสนบาท ขณะเดียวกัน คนที่มีรายได้ต่ำก็จะได้มากขึ้น เพราะเพดานเดิมเคยกำหนดไว้ที่ 15% ของรายได้ จะขยับขึ้นไปถึง 30% ฉะนั้น ถือว่าตอบโจทย์ประเทศในแง่การลดความเหลื่อมล้ำลงได้” นายไพบูลย์กล่าว
พร้อมกันนี้ ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะทำเรื่องเข้าไปพูดคุยกับทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งคาดว่าคงต้องรอมีการแต่งตั้ง รมว.คลังคนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานก่อน โดยยังคาดว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขได้แล้วเสร็จทันภายในปีนี้
“ส่วนตัวผมเกี่ยวกับการตั้งชื่อกองทุนใหม่นี้ คือ Prosperity Mutual Fund : PMF เป็นคำที่คนไทยน่าจะจำได้ง่าย แต่คงต้องไปหารือกับ สศค.ก่อนว่าจะใช้ชื่ออะไรต่อไป” นายไพบูลย์กล่าว
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เรื่องจะมีกองทุนใหม่มาแทน LTF ที่จะสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในปลายปี 2562 นี้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยังต้องพิจารณากันอีกมาก และที่สำคัญ ต้องรอฟังนโยบาย รมว.คลังคนใหม่ก่อน