เงินบาทเปิดอ่อนค่า​ลงที่​ 30.78 บาทต่อ​ดอลลาร์​ นักลงทุน​จับตาเฟดลด​ดอกเบี้ย​-ราคาทอง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ เงินบาทเปิดเช้าวันนี้​ (12​ ก.ค.)​ ที่ระดับ 30.78 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ อ่อนค่าจากระดับ 30.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ในช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน

โดยประเด็นหลักที่ต้องจับตา คือความเคลื่อนไหวของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯและราคาทองคำ ล่าสุดการที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นพร้อมกับทองคำปรับตัวลงเป็นความเสี่ยงหลักที่จะส่งผลให้เกิดการขายทำกำไรเงินบาท อยางไรก็ดีเรามองว่าผู้ส่งออกจะกลับมาขายดอลลาร์เมื่อปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 30.80 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้นจึงน่าจะยังไม่เห็นการอ่อนค่าอย่างรวดเร็วระหว่างวัน

ส่วนกรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 30.72 – 30.82 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

นายจิติพล​กล่าวว่า​ ในคืนที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ส่งสัญญาณ “พร้อมลดดอกเบี้ย” ในการแถลงการณ์ต่อหน้าคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภา

โดยเฟดมองว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมีความจำเป็น เพราะตลาดแรงงานที่ตึงตัวไม่สามารถผลักดันเงินเฟ้อได้ นักลงทุนส่วนใหญ่จึงยังอยู่ในโหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี Down Jones พุ่งขึ้นกว่า 0.9% ทะลุระดับ 27,000 จุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลง 1.1% สู่ระดับ 1,403.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และบอนด์ยีลด์ทั่วโลกปรับตัวขึ้นราว 7-10bps โดนล่าสุด ยีลด์เยอรมนีอายุ 10 ปี กลับมาที่ระดับ -0.23% เช่นเดียวกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่กลับมาระดับ 2.14% อีกครั้ง

ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรปในเดือนมิถุนายน ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ECB ต่างเห็นพ้องว่าการลดดอกเบี้ย หรือการซื้อสินทรัพย์ (QE) มีความจำเป็นสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ตลาดกลับมาเชื่อว่า ECB จะลดดอกเบี้ยในปีนี้เช่นกันกับฝั่งสหรัฐ

ส่วนในฝรั่งเศส รัฐบาลได้ประกาศกฏหมายภาษีดิจิทัล 3.0% ต่อกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี อย่าง Amazon ส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเตรียมประกาศมาตรการตอบโต้ เช่น การตั้งกำแพงภาษีนำเข้า หรือตั้งข้อจำกัดทางการค้าต่อบริษัทฝรั่งเศส

ส่วนฝั่งสหรัฐฯ กระทรวงแรงงานได้เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาสินค้าหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.1% มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 2.0% จากราคาเสื้อผ้า รถยนต์ รวมถึงเฟอนิเจอร์