ต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อ 1.2 พันลบ. ไม่หวั่นมาตรการคุมเงินร้อนแบงก์ชาติ

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 15 ก.ค.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,727.98 จุด ลดลง 3.61 จุด หรือลดลง 0.21% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 53,418.43 ล้านบาท โดยชี้ว่าตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเงินทุนต่างชาติระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อาจส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและเงินบาทไทยเพื่อทำกำไรออกมา

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากการที่วันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.62) เป็นวันที่ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น จีดีพีของประเทศจีนที่เติบโตเพียง 6.2% แม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์แต่ก็ยังส่งผลให้เห็นการขายออกมาบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสิ้นวันของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิที่ 1,274.65 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิที่ 2,425.38 ล้านบาท

“เรามองว่าการที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิจะส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยมีความมั่นใจมากขึ้นจากที่กังวลว่าต่างชาติจะขายเพราะกังวลเกี่ยวกับมาตรการของแบงก์ชาติ ดังนั้น คาดว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 17 ก.ค.62 วันเปิดทำการจะสามารถฟื้นตัวได้แต่ไม่เกินแนวต้านที่ 1,740-1,745 จุด ส่วนการขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ มองว่าเป็นการขายทำกำไรปกติจากเดิมที่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อุ้มตลาดหุ้นไว้ในช่วงที่ผ่านมา โดยปี 2561 สถาบันในประเทศซื้อสุทธิกว่า 1.8 แสนล้านบาท ขณะที่ปีนี้ขายสุทธิที่ 3.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น” นายประกิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายประกิต กล่าวว่า จะต้องติดตามเกณฑ์ของแบงก์ชาติในการควบคุมเงินระยะสั้นจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในวันที่ 22 ก.ค.62 นี้ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/62 จะออกมาดี ได้แก่ TRUE WHA CPALL และ STEC