ค่าเงินบาททรงตัวที่ระดับ 30.91 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดกังวลนายกฯอังกฤษคนใหม่ดัน “No Deal Brexit” แนะจับตาต่างชาติกลับเข้ามาซื้อบอนด์ไทย หลังเทขายทำกำไรก่อนหน้านี้
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) ที่ระดับ 30.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวตลาดเงินโลก เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักแตะจุดสูงสุดในรอบ 2สัปดาห์ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในทางกลับกัน ตลาดก็กังวลว่านาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะผลักดันให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (No Deal Brexit)
- ฟินแลนด์ระงับการให้วีซ่าแรงงานเก็บผลไม้ป่าทุกคนจากไทย
- เหล้าเบียร์ 5 แสนล้านสะเทือน สิงห์-ช้างอ่วม กฎหมายใหม่ห้ามโฆษณา
- ประกันสังคม เตรียมขยายเพดานเงินสมทบ เป็น 17,500-20,000 เกษียณ 65 ปี
โดยผู้ค้าในตลาดเงิน ซื้อขายกันอย่างเบาบางในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะถือดอลลาร์เป็นที่พักความเสี่ยง ประกอบกับราคาทองคำปรับตัวอ่อนค่าลง นักลงทุนเอเชียจึงกลับเข้าซื้อ ส่งผลให้มีแรงซื้อเงินดอลลาร์กลับขึ้นมา
“ในช่วงต่อไป ต้องจับตาทิศทางการซื้อขายบอนด์ (พันธบัตร) ของต่างชาติ แม้ในระยะสั้นเราจะเห็นแรงขายต่อเนื่องหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกนโยบายในเชิงสกัดเงินร้อน แต่เราเชื่อว่า ส่วนใหญ่เป็นการขายทำกำไรตราสารหนี้ระยะสั้นที่ผลตอบแทนปรับตัวลงต่ำแตะระดับดอกเบี้ยนโยบาย ในระยะยาวจึงต้องจับตาการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมากขึ้น” นายจิติพลกล่าว
สำหรับกรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 30.85-30.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายจิติพล กล่าว่า ในคืนที่ผ่านมา ตลาดทุนทั่วโลกกลับเข้าโหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังสหรัฐฯ เตรียมเปิดการเจรจาการค้ากับจีน นอกจากนี้รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯก็ออกมาดีเกินคาด พร้อมกับช่วงเวลาที่สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดาหนี้ (Debt Ceiling) ทำให้ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 0.7% ส่วน ดัชนี STOXX50 ของยุโรป พุ่งขึ้นกว่า 1.2% ด้วยความหวังว่าธนาคารกลางยุโรปจะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน
เมื่อตลาดเปิดรับความเสี่ยง นักลงทุนก็ลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัยลง กดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯอายุ10ปี ให้ปรับตัวขึ้น 3.1bps สู่ระดับ 2.08% ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวลง 0.5% แตะระดับ 1,417.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในปีนี้ และปีหน้าลง 0.1% สู่ระดับ 3.2% สำหรับปีนี้ และ 3.5% ในปีหน้า จากภาวะสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และปัญหาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
คลิกอ่านเพิ่มเติม…“บอริส จอห์นสัน” ชนะขาดลอยคว้าตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ”