“อุตตม” เยือนญี่ปุ่นสานต่อโรดโชว์อีอีซี จับมือ รมต.เมติ-เจโทร-เจเอฟซี ลงทุนไทยอันดับหนึ่ง

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างวันที่ 29 ก.ค. – 1 ส.ค.นี้ ว่า สำหรับกำหนดการเยือนญี่ปุ่น ในวันนี้ (31 ก.ค.62) ผมและคณะ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย Hiroshige Seko รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) พร้อมการหารือเพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งสร้างความมั่นใจในการสานต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมในโครงการลงทุนต่าง ๆ ใน EEC นี้ด้วย

นอกจากนี้ ผมยังได้ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารหน่วยงานเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อาทิ นาย Kazuho Tanaka ผู้ว่าการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Japan Finance Corporation (JFC) และนาย Nobuhiko Sasaki ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น (JETRO) รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนและสถาบันการเงินของประเทศญี่ปุ่น อาทิ บริษัท Mitsubishi Electric Corporation บริษัท Toyota Motor Corporation และธนาคารมิซูโฮ

ขณะเดียวกันยังมีการเสวนา เรื่อง ทิศทางนโยบายด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลังของไทยและความต่อเนื่องของ EEC และพบปะภาคเอกชนญี่ปุ่น โดยมีผู้แทนสมาพันธ์ธุรกิจชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น (Keidanren) ประมาณ 30 ราย เข้าร่วมรับฟังการเสวนาดังกล่าว โดยผมได้กล่าวถึงศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในด้านกายภาพและด้านดิจิทัล

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยและฐานะการคลังยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

ทั้งนี้ ผมได้เน้นย้ำ ถึงการที่ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับญี่ปุ่นในฐานะพันธมิตรที่สำคัญ เพื่อการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันดีในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไทย ที่ถือว่ามีสัดส่วนมากที่สุดในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมูลค่าประมาณ 5,694.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 โดยหวังว่าความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งนำไปสู่ผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของพี่น้องประชาชนในประเทศไทย