ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ทยอยเพิ่มกำลังการผลิต

+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ทยอยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตไปแตะที่ระดับร้อยละ 79.7 หลังจากก่อนหน้านี้ต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือเพียงร้อยละ 63.4 จากผลกระทบของพายุ Harvey ทั้งนี้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตดังกล่าวเป็นระดับกำลังการผลิตต่ำสุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ประกาศตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล ขึ้นไปแตะระดับ 462.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.0 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ หลังได้รับผลกระทบจากพายุ Harvey ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัดเข้าสู่หมู่เกาะแคริบเบียนในมหาสมุทร แอตแลนติกเมื่อสองวันที่ผ่านมาด้วยความรุนแรงระดับ 5 โดยพายุ Irma นับเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติกในรอบ 82 ปี และส่งผลให้คลังน้ำมันในแถบชายฝั่งทะเลแคริบเบียนหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการ และอาจส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันไปยังภูมิภาคอเมริกาใต้

+ จีดีพีไตรมาส 2 ปี 2560 ของสหภาพยุโรปปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็ก รวมถึงประเทศสวีเดน โรมาเนียและเนเธอร์แลนด์ ในขณะที่จีดีพีไตรมาส 2 ปี 2560 ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต็อกน้ำมันชนิดเบาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ไปแตะระดับ 5.68 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการน้ำมันดีเซลในภูมิภาคตะวันตก ประกอบกับความต้องการน้ำมันประมงที่เพิ่มขึ้นในจีนหลังสิ้นสุดคำสั่งห้ามจับปลาในช่วงฤดูร้อนประจำปี

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการเคลื่อนตัวของพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐฯ โดยล่าสุดพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัฒนาความรุนแรงสู่ระดับ 5 และคาดว่าจะเป็นพายุ 1 ใน 5 ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี ได้เคลื่อนผ่านหมู่เกาะในทะเลคาลิบเบียน และกำลังเคลื่อนตัวเข้ารัฐฟลอลิด้าในช่วงสุดสัปดาห์ก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเคลื่อนตัวของพายุ Jose และ Katia ที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งสหรัฐฯ เร็วๆนี้

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งสู่ระดับมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากลิเบียสามารถเปิดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 280,000 บาร์เรลต่อวันได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้ทำการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันที่เชื่อมต่อระหว่างแหล่งผลิตกับท่าเรือ Zawiya เสร็จสิ้นแล้ว

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะกลับมาดำปรับลดลงในสัปดาห์นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้วประมาณร้อยละ 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังในสัปดาห์ก่อนหน้ามีการปิดดำเนินการไปทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 24 ของกำลังการผลิต