เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าที่ 30.75 บ./ดอลลาร์ คาด กนง.คงดอกเบี้ย นักวิเคราะห์แนะจับตาทิศทางนโยบายการเงินธนาคารกลางทั่วโลกตลอดสัปดาห์
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (5 ส.ค.) ที่ระดับ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 30.81 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
โดยในสัปดาห์นี้ เชื่อว่านักลงทุนจะระวังตัวมากขึ้น จากตลาดการเงินที่เข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ตั้งแต่ท้ายสัปดาห์ก่อน ขณะที่ในระยะสั้นก็มีการประชุมธนาคารกลางมากมาย มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินในประเทศฝั่งเอเชียมากนัก
นอกจากนี้ทิศทางของเงินหยวนก็มีความน่าสนใจมาก เนื่องจากหยวนอ่อนค่ารับคำขู่ของทรัมป์เรื่องการเก็บภาษีจากระดับ 6.85 ขึ้นไปที่ 6.95 หยวนต่อดอลลาร์ ถ้าสัปดาห์นี้อัตราแลกเปลี่ยนแตะระดับ 7.00 หยวนต่อดอลลาร์ ก็อาจส่งผลให้เกิดแรงขายสกุลเงินเอเชียอื่นๆตามมาอีกระลอก
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจไม่อ่อนค่าเร็วนักเนื่องจากในระยะสั้นยังคงมีแรงขายทองที่ราคาปรับตัวขึ้นพร้อมกันเข้ามากดดันอยู่ในช่วงนี้
สำหรับกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 30.70-30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 30.60-31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดร.จิติพล กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจและตลาดการเงินสัปดาห์นี้ แนะนำจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินทั่วทั้งเอเชีย
เริ่มต้นวันอังคาร คาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะมีมติ“คง”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ที่ระดับ 1.00% หลังลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง รวม 0.50% ไปแล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน
นอกจากนี้ ธนาคารกลางต่างๆในฝั่งตะวันออกก็มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยลง ไล่ตั้งแต่ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ที่ตลาดคาดว่าจะ“ลด”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) 0.25% สู่ระดับ 1.25% ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการใช้นโยบายการเงิน
เช่นเดียวกับ ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ที่คาดว่าจะ“ลด”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repurchase Rate) 0.25% สู่ระดับ 5.50% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปีนี้ ต่อด้วยธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ที่จะ“ลด”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repurchase Rate) ลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% ในวันพฤหัสฯ
“วันพุธ ต้องจับตาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เช่นกัน เราคาดว่ากนง.จะ“คง”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repo Rate) ที่ระดับ 1.75% แม้โดยรวม เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มขยายตัวต่ำจากการค้าโลกที่ซบเซาและอัตราเงินเฟ้อก็ชะลอตัวลงเรื่อยๆ แต่ธปท.กลับมีความเป็นห่วงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินอยู่ จึงมีความเป็นไปได้น้อยที่จะพลิกมุมมองให้ผ่อนคลายหรือลดดอกเบี้ยเหมือนที่อื่น” ดร.จิติพลกล่าว