“อุตตม” คุมหน่วยงานหลักคลัง เค้นแผนงานเร่งด่วนช่วง 3 เดือน

นายอุตตม สาวนายน
แฟ้มภาพ

“อุตตม” แบ่งงาน รมช.คลังคุมเบา ๆ 3 กรม 4 รัฐวิสาหกิจ เก็บ 5 กรม/สำนักกับ 5 รัฐวิสาหกิจหลักไว้กำกับเอง มอบนโยบายทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งจัดทำแผนงานด่วนช่วง 3 เดือน เน้นตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล-เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลสร้างขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ-ยกระดับคุณภาพชีวิตคนฐานราก/เกษตรกร

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้ออกคำสั่งแบ่งงานการกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รับผิดชอบ ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กรมบัญชีกลาง และกรมศุลกากร ขณะที่รัฐวิสาหกิจ มอบหมายให้กำกับดูแลธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)

ส่วนนายอุตตมเองจะกำกับดูแลกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ส่วนรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

นายอุตตมกล่าวในการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำงานในเชิงยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนให้ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล และเร่งจัดทำแผนงานที่จะดำเนินการในช่วง 3 เดือนอย่างเร่งด่วน โดยหลังจากนี้จะเริ่มทยอยตรวจเยี่ยมแต่ละกรม เพื่อติดตามความคืบหน้า ซึ่งเบื้องต้นแผนงานจะต้องตอบคำถามได้ว่า ทำแล้วประชาชนและประเทศชาติจะได้อะไร เช่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย เพื่อจะยกระดับเศรษฐกิจไทยให้ก้าวทันโลกที่มีความเปลี่ยนแปลง ทั้งเทคโนโลยีและสังคม เป็นต้น

“อย่างการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่น ๆ ก็ขอให้มองในเชิงคุณภาพ คือทำให้ยั่งยืน และควรมีแนวทางในการลดภาระงบประมาณ แต่ได้ผลสัมฤทธิ์ด้วย เช่น การเชิญให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณกลางได้ และนำงบประมาณที่เหลือไปทุ่มในเรื่องของการดูแลประชาชน” นายอุตตมกล่าว

ขณะที่ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ประเทศไทยต้องเปลี่ยนรูปแบบไปสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐาน อีคอมเมิร์ซ อีเพย์เมนต์ และพร้อมเพย์ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งขยายงานให้กว้างขวางในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินแบบดิจิทัล โดยให้ส่งผลประโยชน์แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง

นายอุตตมกล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังต้องกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง ดูแลภาคการเกษตร เช่น การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการทำเกษตรอุตสาหกรรม การดูแลแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการดูแลสวัสดิการที่ยังไม่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงวัย หรือกลุ่มประชาชนในช่วงวัยอื่น

นอกจากนี้จะต้องปฏิรูปการทำงานในภาครัฐ โดยทุกหน่วยงานต้องเดินหน้าระบบ big data เพื่อจะได้นำข้อมูลที่มีอยู่มากไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ สุดท้าย ได้ฝากให้หน่วยงานด้านจัดเก็บรายได้ไปทบทวนและศึกษาระบบการจัดเก็บรายได้ เพื่อวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง คือ ความเท่าเทียมสำหรับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ และประสิทธิภาพประสิทธิผลในการจัดเก็บ